CCP เผยผลงานงวด 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้รวม 1,818.27 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30.81 ล้านบาท ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 4/2558 รับอานิสงส์งานภาครัฐ จ่อเดินหน้ารุกตลาด CLMV ฟุ้งงานในมือกว่า 2.3 พันล้านบาท คาดรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนหน้า
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี หรือ CCP กล่าวว่า บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/58 จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และภาคเอกชนที่มีการกลับเข้ามาลงทุน โดยในปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐอยู่ที่ 70% และงานภาคเอกชนอยู่ที่ 30%
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2558 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเป็นผู้นำตลาดคอนกรีตในภาคตะวันออก เนื่องจากมีการขยายตัวของโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐ และเอกชนต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปไปยังร้านวัสดุก่อสร้างในภูมิภาคอื่นๆ เช่น ภาคอีสาน รวมไปถึงการเข้าเสนองานใหม่กับลูกค้าภาครัฐ เอกชน งานราชการส่วนท้องถิ่นต่างๆ และพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้รับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV โดยเตรียมเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา ในเดือนธันวาคม 2558 นี้ เพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปนำเสนอให้ลูกค้ารายใหม่ๆ ได้ทำความรู้จักแบรนด์ และเกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการสำรวจตลาด และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ดีทางหนึ่ง เชื่อว่าการไปออกงานแสดงสินค้าดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม CLMV ได้เร็วขึ้น และส่งผลให้มีออเดอร์ใหม่ๆ มากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,818.27 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2,045.64 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 30.81 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 191.82 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 620.36 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 663.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.39 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 87.68 ล้านบาท (เป็นกำไรพิเศษจากการจำหน่ายหุ้นใน บมจ.สมาร์ทคอนกรีต จำนวน 49.50 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 38.10 ล้านบาท)
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทมีการปรับตัวลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ภาคเอกชนชะลอการลงทุน ประกอบกับเป็นช่วงโลว์ซีซันที่มีการส่งมอบงานล่าช้ากว่าช่วงปกติ เนื่องจากเป็นฤดูฝน และมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง รวมไปถึงภาวะการแข่งขันด้านราคาขาย ส่งผลให้กำไรสำหรับงวด 9 เดือนของปีลดลง แต่ด้วยการบริหารจัดการด้านการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทสามารถลดความเสี่ยง และผลกระทบต่างๆ โดยสามารถคงไว้ซึ่งสถานะทางการเงินที่มั่นคง
สำหรับรายได้รวมในปี 2558 บริษัทมองว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 2.6 พันล้าน ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 2,300 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลา1.5 ปี ในการทยอยรับรู้รายได้ ซึ่งเฉพาะในปีนี้จะรับรู้รายได้ 30% ของ Backlog ทั้งหมด โดยบริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคตเพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท