สมาร์ทคอนกรีต พุ่งเป้าตลาด CLMV เตรียมคว้าดีลเลอร์กัมพูชาเป็นรายแรก ส่วนตลาดในประเทศเดินหน้าขยายฐานลูกค้างานรัฐ จ่อขยายกำลังการผลิตรองรับออร์เดอร์ทั้งใน และ ตปท. คาดปี 59 สัญญาณดีพลิกทำกำไรทุ่มงบ 200 ล้านผุดโปรดักต์ใหม่ รองรับตลาดอสังหาฯ ฟื้นจากนโยบายการกระตุ้นภาคอสังหาของรัฐบาล
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนศึกษาตลาดกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าไปยังพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีการขยายตัวของโครงการก่อสร้างค่อนข้างสูง ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/58 จากนั้นจะเข้าไปเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศพม่าต่อไป
สำหรับตลาดในประเทศยังคงชะลอตัว แต่บริษัทยังเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์ต่อลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่กลุ่มโครงการก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐ จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่เพียง 20% ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งจากนโยบายของภาครัฐบาลที่จะออกมาสนับสนุนการเดินหน้าโครงการก่อสร้างต่างๆ คาดว่าจะสามารถส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ปัจจุบันกำลังการผลิตของบริษัทอยู่ที่ 4.5 ล้านตร.ม.ต่อปี ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตประมาณ 80% หรือประมาณ 3.6 ล้าน ตร.ม.ต่อปี ซึ่งหากภาวะการชะลอตัวของตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น และบริษัทดำเนินธุรกิจได้สำเร็จตามที่วางไว้บริษัทก็มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเป็น 6 ล้าน ตร.ม.ต่อปี
ส่วนแผนการดำเนินการในปี 2559 บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ประเภท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 1/59 และจะเร่งบุกตลาดโครงการภาครัฐ ซึ่งจะมีการลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วขนาดรางกว้าง 1.435 เมตร และโครงการขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ อีกหลายเส้นทาง ตั้งแต่ต้นปี 2559 คาดว่าจะสามารถปรับสัดส่วนงานภาครัฐ 50% และภาคเอกชน 50% อีกทั้งบริษัทฯ ได้ศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท เวอร์ฮาน เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะลงทุนภายในไตรมาสที่ 1/59 หากภาวะตลาดรองรับ ซึ่งต้องใช้งบลงทุนครั้งนี้ประมาณ 200 ล้านบาท
“ในปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตมากกว่าปี 2558 ประมาณ 10% หรือไม่ต่ำกว่า 420 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการขยายตลาดไปยังตลาด CLMV และนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งจะกระตุ้นภาคเอกชนในการลงทุน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ค่อนข้างต่ำจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดให้ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และผู้ผลิตจำหน่ายวัสดุก่อสร้างโดยรวม และบริษัทผู้รับเหมา ส่วนเป้าหมายรายได้ปี 2558 คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 380 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณ 5 %” นายรังสี กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2558 ปรับตัวลดลง โดยรายได้รวมงวดไตรมาส 3/2558 อยู่ที่ 100.35 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.76 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 4.35 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2558 มีรายได้ 270.08 ล้านบาท มีขาดทุนสุทธิ 9.21 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนศึกษาตลาดกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าไปยังพม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวมีการขยายตัวของโครงการก่อสร้างค่อนข้างสูง ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/58 จากนั้นจะเข้าไปเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศพม่าต่อไป
สำหรับตลาดในประเทศยังคงชะลอตัว แต่บริษัทยังเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์ต่อลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นที่กลุ่มโครงการก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐ จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่เพียง 20% ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 50% ซึ่งจากนโยบายของภาครัฐบาลที่จะออกมาสนับสนุนการเดินหน้าโครงการก่อสร้างต่างๆ คาดว่าจะสามารถส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ปัจจุบันกำลังการผลิตของบริษัทอยู่ที่ 4.5 ล้านตร.ม.ต่อปี ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตประมาณ 80% หรือประมาณ 3.6 ล้าน ตร.ม.ต่อปี ซึ่งหากภาวะการชะลอตัวของตลาดมีทิศทางที่ดีขึ้น และบริษัทดำเนินธุรกิจได้สำเร็จตามที่วางไว้บริษัทก็มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเป็น 6 ล้าน ตร.ม.ต่อปี
ส่วนแผนการดำเนินการในปี 2559 บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ประเภท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 1/59 และจะเร่งบุกตลาดโครงการภาครัฐ ซึ่งจะมีการลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วขนาดรางกว้าง 1.435 เมตร และโครงการขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ อีกหลายเส้นทาง ตั้งแต่ต้นปี 2559 คาดว่าจะสามารถปรับสัดส่วนงานภาครัฐ 50% และภาคเอกชน 50% อีกทั้งบริษัทฯ ได้ศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท เวอร์ฮาน เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะลงทุนภายในไตรมาสที่ 1/59 หากภาวะตลาดรองรับ ซึ่งต้องใช้งบลงทุนครั้งนี้ประมาณ 200 ล้านบาท
“ในปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตมากกว่าปี 2558 ประมาณ 10% หรือไม่ต่ำกว่า 420 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการขยายตลาดไปยังตลาด CLMV และนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งจะกระตุ้นภาคเอกชนในการลงทุน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ค่อนข้างต่ำจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดให้ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และผู้ผลิตจำหน่ายวัสดุก่อสร้างโดยรวม และบริษัทผู้รับเหมา ส่วนเป้าหมายรายได้ปี 2558 คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 380 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณ 5 %” นายรังสี กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการในงวดไตรมาส 3/2558 ปรับตัวลดลง โดยรายได้รวมงวดไตรมาส 3/2558 อยู่ที่ 100.35 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.76 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 4.35 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 2558 มีรายได้ 270.08 ล้านบาท มีขาดทุนสุทธิ 9.21 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของตลาดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา