xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ 1.1 ล้าน บล.เออีซี โอนหุ้น “ชูวงษ์” มิชอบ “อุรชา” โบรกเกอร์สาวโดนแบน 10 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สำนักงาน ก.ล.ต.ลงโทษผู้บริหาร บล.เออีซี เหตุแนะนำการลงทุน และโอนหุ้นของ “ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” อย่างมีนัยสำคัญ “อุรชา วชิรกุลฑล” เพิกถอนในการให้ความเห็นชอบ 10 ปี ขณะ “ธาดา จันทร์ประสิทธิ์ และพิสิทธิ์ ปทุมบาล” สองผู้บริหารหลัก สั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเวลา 6 เดือน มีผล 29 ธ.ค.58 เป็นต้นไป พร้อมเปรียบเทียบปรับ 1,101,000 บาท

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดแถลงข่าวเพื่อเอาผิด และลงโทษบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC ผู้บริหาร และผู้นำแนะนำการลงทุน จากกรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ซึ่งเป็นลูกค้าของ บล.เออีซี เนื่องจากมีการโอนหุ้นจำนวนมากให้คนที่ไม่รู้จักกันก่อนเสียชีวิตไม่นาน ซึ่ง ก.ล.ต.ขอให้ บล.ที่เกี่ยวข้องชี้แจง และเข้าตรวจสอบบริษัท พร้อมทั้งสอบถ้อยคำผู้ที่เกี่ยวข้อง

โดย ก.ล.ต.ลงโทษผู้แนะนำการลงทุน 3 ราย คือ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล เพิกถอนในการให้ความเห็นชอบ 10 ปี นายนัฐพล เฉลิมพจน์ พักการให้ความเห็นชอบ 6 เดือน และ น.ส.พัชรีย์ ธัชธำรงชัย พักให้การเห็นชอบเป็นเวลา 1 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.58

สำหรับกรณีของ น.ส.อุรชา พบว่า จัดการโอนหุ้นในบัญชีลูกค้ารายที่เป็นข่าวเข้าบัญชีมารดา และตนเองได้รับประโยชน์ โดยได้มีการเตรียมการเป็นขั้นตอน ดังนี้ คือ เปิดบัญชีมารดาที่ บล.เออีซี โดยไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ จัดการโอนหุ้นแบบไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้เป็นผู้แนะนำที่ดูแลบัญชีลูกค้า รวมทั้งจัดการให้ฝ่ายปฏิบัติการดำเนินการยืนยันการโอนหุ้นต่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นลูกค้าเจ้าของบัญชี และเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์เข้าไปในระบบฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อให้การโอนหุ้นดังกล่าวสำเร็จ

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ระบุว่า เป็นความผิดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต กระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน ใช้บัญชีของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเอง หรือบุคคลอื่น ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุนโดยการเบิกถอนโอนย้ายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุน ไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณ และมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพที่กำหนดโดยสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย

ส่วน นายนัฐพล รับคำสั่งซื้อขายจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี โดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจ มีการใช้คำพูดเพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าตนเองกำลังสนทนา และรับคำสั่งซื้อขายกับเจ้าของบัญชี ซึ่งเป็นความผิดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือให้บริการด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้ให้บริการซื้อขายตามคำสั่งของเจ้าของบัญชี หรือผู้มอบอำนาจ หรือเป็นการรับคำสั่งจากคนอื่น และสร้างหลักฐานว่าผู้สั่งซื้อขายเป็นเจ้าของบัญชี ทั้งที่เป็นบุคคลอื่น เพื่ออำพรางปกปิดบริษัท และหน่วยงานกำกับดูแล

ขณะที่กรณีของ น.ส.พัชรีย์ นั้น ได้ให้การยอมรับว่ารับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี โดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจ มีความผิดฐานไม่ได้ให้บริการซื้อขายตามคำสั่งของเจ้าของบัญชี หรือผู้มอบอำนาจ หรือรับคำสั่งจากคนอื่น

นอกจากนี้ ประเด็นที่เกี่ยวกับระบบงาน และการกำกับดูแล บล.เออีซี พบความบกพร่อง 3 ระบบงานที่เข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 113 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ คือ การทำความรู้จักลูกค้า และตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า การกำกับดูแลทรัพย์สินของลูกค้า การกำกับดูแลเพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของบริษัท ต้องระวางโทษตามมาตรา 282 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ จึงเปรียบเทียบความผิดเป็นเงิน 1,101,000 บาท

สำหรับผู้บริหารหลัก 2 ราย คือ นายธาดา จันทร์ประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติงานด้านหลักทรัพย์ และนายพิสิทธิ์ ปทุมบาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ซึ่งเป็นผู้ควบคุมสายงานบริหารด้านหลักทรัพย์ สำนักงาน ก.ล.ต.พบว่า ในภาพรวมบุคคลทั้งสองละเลยการตรวจสอบดูแล และสั่งการให้มีการดำเนินการใดๆ เพื่อแก้ไข และปฏิบัติให้ถูกต้อง ทั้งที่ได้รับทราบข้อมูลจากผลการตรวจสอบของบริษัทเอง และการรายงานจากผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับข้อมูลที่น่าสงสัยของลูกค้า จนเป็นเหตุให้บริษัทมีการกระทำผิด

ดังนั้น ก.ล.ต.จึงสั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ทั้งสองรายเป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.58 โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บุคคลทั้งสองจะไม่สามารถปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริการงานการเป็นที่ปรึกษาของบริษั และการปฏิบัติงานอื่นๆ ที่อยู่ในขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนได้ ซึ่งการกระทำของบุคคลทั้งสองยังเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 283 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ อันเป็นผลจากการที่บริษัทกระทำผิดมาตรา 113 แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน สำนักงาน ก.ล.ต.จะเสนอการกระทำผิดต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบความผิด ซึ่งหากทั้งสองบุคคลไม่ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ ก.ล.ต.จะดำเนินการกล่าวโทษต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น