ราคาทองคำรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 29.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกหลังจากอ่อนตัวลงมา 6 สัปดาห์ต่อเนื่อง นักลงทุนทองคำอาจจะเกิดคำถามว่าท่ามกลางกระแสที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 11 ปี ในการประชุมที่จะเกิดในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ แต่เหตุใดทองจึงปรับตัวขึ้น ทาง YLG ได้ประมวลสาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงในซึ่งเป็นความพยายามล่าสุดที่จะกระตุ้นการปล่อยกู้ และเงินเฟ้อในยูโรโซน อย่างไรก็ดี อีซีบีสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนหลายรายที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าอีซีบีจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่านี้
โดยมาตรการที่ ECB ประกาศออกมาโดยสรุปมีดังนี้
1.ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
2.ECB ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ซึ่งหมายความว่า ธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
3.อีซีบีตัดสินใจขยายการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ออกไปจนถึงปี 2017
หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.10% สู่ -0.30% ซึ่งสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุน ได้ส่งผลให้ยูโร/ดอลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 3% ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2009 แตะระดับสูงสุดที่ 1.0980 ดอลลาร์ในระหว่างช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดี จาก 1.0611 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินดิ่งลง 2.1% ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2009 โดยดัชนีดอลลาร์ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบ 1 เดือนที่ 97.591 ในระหว่างช่วงการซื้อขายในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การดีดขึ้นอย่างแข็งแกร่งของยูโร และการร่วงลงของค่าเงินดอลลาร์ส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้น 8.86 ดอลลาร์ สู่ 1,062.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยดีดขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปีที่ 1,045.85 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในระหว่างวัน
ต่อเนื่องในวันศุกร์ ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 24 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 1,086.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อชดเชยหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงาน ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 211,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ย.โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.0% ตามคาด
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในระยะนี้ยังคงต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า ทำให้สินทรัพย์ต่างๆ จะมีความผันผวนมากขึ้น รวมไปถึงค่าเงินบาทซึ่งกำลังมีแนวโน้มอ่อนค่า เบื้องต้น ตลาดทองคำกำลังรอความชัดเจนจากประเด็นข้างต้น ทำให้ในบางช่วงเวลามักจะมีแรงขายเมื่อราคาปรับตัวขึ้นไป ดังนั้น ในระยะนี้นักลงทุนทองคำต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ กำหนดจุดตัดขาดทุน ปรับพอร์ตลงทุนให้สมดุล และไม่ leverage จนเกินไป พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ท่านสามาถทำกำไรท่ามกลางความผันผวนนี้ได้
