ที่เขียนเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมากหลอกครับพอดีไม่นานมานี้มันเกิดเหตุการณ์ที่วอแรนท์ตัวหนึ่งนั่นคือ MILL - W2 บวกเป็น 1000% ก็เลยเข้าไปดูเห็นแล้วตกใจนิดหน่อยคิดในใจว่า (โอ้แม่จ้าวทำไมแบบนี้ไม่มีเรา)...555 เพื่อให้เพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่ทราบจะได้นำไปใช้วางแผนในการเก็งกำไรกับ ส่วนคนไหนที่ทราบแล้วก็ถือเป็นการทบทวนอีกแล้วกัน
ก่อนที่จะไปเรื่องหุ้นลูก(Warrant) ผมขอพูดถึงตัวหุ้นแม่ก่อนนะโดยปกติแล้วราคาหุ้นปกติระหว่างวันสามารถมีราคาสูงสุด (Ceiling)ได้ไม่เกิน 30% จากราคาปิดของวันก่อน และ สามารถมีราคาต่ำสุด(Floor)ได้ไม่ต่ำกว่า - 30% จากราคาปิดของวันก่อน อันนี้ก็จะพอทราบกันดีอยู่แล้ว
ส่วนของตัววอแรนท์จริงๆแล้วไม่มี Ceiling และ Floor เป็นของตัวเองแต่จะไปอิงกับตัวแม่โดยใช้ค่าส่วนต่างของ Ceiling กับ Floor ของตัวแม่มาใช้นั่นเอง
มาดูตัวอย่าหุ้น MILL และ MILL-W2
MILL ราคาปิดเท่ากับ 1.43 บาท MILL-W2 ราคาปิดเท่ากับ 0.25 บาท
ราคาปิดหุ้นแม่ x 0.3 = ราคาส่วนต่าง Ceiling และ Floor ของหุ้นแม่1.43 x 0.3 = 0.429 แต่เนื่องจากราคาหุ้นแม่ช่วงราคาหลักทรัพย์ (Price Spreads) เท่ากับ 0.01
ราคาส่วนต่างจึงเท่ากับ 0.42 บาท
ราคา Ceiling ของหุ้นแม่ = 1.43 +0.42 = 1.85 ราคา Floor ของหุ้นแม่ = 1.43 - 0.42 = 1.01 แต่ Exercise Ratio เป็นแบบ 1:1.46 ดังนั้นเราต้องเอา 1.46 x 0.429 ก่อน ได้ = 0.62634
แต่เนื่องจากช่วงราคาหลักทรัพย์ของหุ้นลูก (Price Spreads) เท่ากับ 0.01 ราคาส่วนต่างที่คำนวน Exercise Ratio เป็นแบบ 1:1.46 จึงเท่ากับ 0.62
Ceiling ของหุ้นลูก (warrant) = ราคาปิดหุ้นลูก + ราคาส่วนต่าง = 0.25 + 0.62 =0.87
Floor ของหุ้นลูก(warrant) = ราคาปิดหุ้นลูก - ราคาส่วนต่าง = 0.25 - 0.62 = - 0.37
แต่ราคาที่จะต่ำสุดได้จริงนั้นคือ 0.01 ไม่สามารถเป็นติดลบได้ Floor ของหุ้นลูก (warrant) จึง = 0.01
ถ้าหุ้นแม่กับหุ้นลูกต่างกันเยอะ ส่วนต่างราคาของหุ้นลูกก็สามารถไปได้มากกว่า 100% ได้สบายๆ อย่างที่ Mill-W2 ทำมาแล้ว ยิ่ง Exercise Ratio มากกว่า 1:1 ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการเพิ่มความแรงเข้าไปอีกขึ้นอยู่ว่าจะมีคนเล่นกันไหม หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเก็งกำไรนะครับ โชคดีมีกำไรกันทุกคนนะครับ
สาวิทย์ สมปอง ทีม Pheonix
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง
ก่อนที่จะไปเรื่องหุ้นลูก(Warrant) ผมขอพูดถึงตัวหุ้นแม่ก่อนนะโดยปกติแล้วราคาหุ้นปกติระหว่างวันสามารถมีราคาสูงสุด (Ceiling)ได้ไม่เกิน 30% จากราคาปิดของวันก่อน และ สามารถมีราคาต่ำสุด(Floor)ได้ไม่ต่ำกว่า - 30% จากราคาปิดของวันก่อน อันนี้ก็จะพอทราบกันดีอยู่แล้ว
ส่วนของตัววอแรนท์จริงๆแล้วไม่มี Ceiling และ Floor เป็นของตัวเองแต่จะไปอิงกับตัวแม่โดยใช้ค่าส่วนต่างของ Ceiling กับ Floor ของตัวแม่มาใช้นั่นเอง
มาดูตัวอย่าหุ้น MILL และ MILL-W2
MILL ราคาปิดเท่ากับ 1.43 บาท MILL-W2 ราคาปิดเท่ากับ 0.25 บาท
ราคาปิดหุ้นแม่ x 0.3 = ราคาส่วนต่าง Ceiling และ Floor ของหุ้นแม่1.43 x 0.3 = 0.429 แต่เนื่องจากราคาหุ้นแม่ช่วงราคาหลักทรัพย์ (Price Spreads) เท่ากับ 0.01
ราคาส่วนต่างจึงเท่ากับ 0.42 บาท
ราคา Ceiling ของหุ้นแม่ = 1.43 +0.42 = 1.85 ราคา Floor ของหุ้นแม่ = 1.43 - 0.42 = 1.01 แต่ Exercise Ratio เป็นแบบ 1:1.46 ดังนั้นเราต้องเอา 1.46 x 0.429 ก่อน ได้ = 0.62634
แต่เนื่องจากช่วงราคาหลักทรัพย์ของหุ้นลูก (Price Spreads) เท่ากับ 0.01 ราคาส่วนต่างที่คำนวน Exercise Ratio เป็นแบบ 1:1.46 จึงเท่ากับ 0.62
Ceiling ของหุ้นลูก (warrant) = ราคาปิดหุ้นลูก + ราคาส่วนต่าง = 0.25 + 0.62 =0.87
Floor ของหุ้นลูก(warrant) = ราคาปิดหุ้นลูก - ราคาส่วนต่าง = 0.25 - 0.62 = - 0.37
แต่ราคาที่จะต่ำสุดได้จริงนั้นคือ 0.01 ไม่สามารถเป็นติดลบได้ Floor ของหุ้นลูก (warrant) จึง = 0.01
ถ้าหุ้นแม่กับหุ้นลูกต่างกันเยอะ ส่วนต่างราคาของหุ้นลูกก็สามารถไปได้มากกว่า 100% ได้สบายๆ อย่างที่ Mill-W2 ทำมาแล้ว ยิ่ง Exercise Ratio มากกว่า 1:1 ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการเพิ่มความแรงเข้าไปอีกขึ้นอยู่ว่าจะมีคนเล่นกันไหม หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเก็งกำไรนะครับ โชคดีมีกำไรกันทุกคนนะครับ
สาวิทย์ สมปอง ทีม Pheonix
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง