จากบทความครั้งก่อนที่โค้ชแนะนำให้ตั้งต้นใหม่ด้วยการศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุนให้ลึกขึ้น และกลับมาเทรดด้วยจำนวนเงินที่น้อยลงก่อนยังไม่ต้องใส่เต็มพอร์ต (ที่เหลือ) แต่พยายามทำให้การซื้อและขายหุ้นมีความแม่นยำมากขึ้นแทน เน้นที่ Hit Rate เข้า-ออกหุ้น ต้องกำไรมากกว่าขาดทุนทั้งจำนวนครั้ง และจำนวน % โดยใช้โมเดลเดียวกับหนี้นอกระบบ เช่น ถ้าเราติดเงินเจ้าหนี้ 100,000 บาท เจ้าหนี้ขอดอกเบี้ยแค่ 2% ต่อวัน คิดเร็วๆ เฉลี่ยวันละ 2,000 บาท ผ่านไป 3 เดือน นี่โดนไป 180,000 บาท แล้ว (ถึงว่าคนจนที่ต้องกู้ ใช้หนี้เท่าไหร่ก็ไม่มีทางหมด ส่งได้แต่ดอกเบี้ย และก็โดนยึดที่ดินทำกินไป)
แต่ถ้ามาเป็นพอร์ตหุ้นบ้างละ พอร์ต 100,000 บาท ทำกำไรได้วันละ 2% ในระยะเวลา 3 เดือนเท่ากัน มีทั้งกำไรขาดทุนตลาดเปิดให้เทรดได้แค่สัก 60 วัน แต่คิดกำไรที่ 45 วันดู เราจะได้เงิน 2,000 x 45 = 90,000 บาทเลยทีเดียว นั่นแปลว่าทำอีกนิดหน่อยก็เอาแต่กำไรมาเทรดได้แล้วโดยไม่ต้องยุ่งกับเงินต้นเลยแต่ชีวิตจริงเราไม่มีทางเทรดที่เงินหนึ่งแสนตลอดแน่ ได้กำไรมาก็ใส่กลับเข้าพอร์ต และลองคิดแบบสูตรที่ดอกเบี้ยทบต้น
FV = PV(1+R)^t [FV = 100,000(1+0.02)^45 ก็จะได้เงินประมาณ 240,000 บาทเลยทีเดียว
ดูเหมือนง่ายนะ! แต่ชีวิตเทรดหุ้นจริง “ยาก” ทำไมถึงยากทั้งๆ ที่ต่อให้วันที่ตลาดติดลบหนักๆ ยังไงก็มีหุ้นที่วิ่งบวกเกินกว่า 2% เป็นหลักสิบๆ ตัวอยู่ดี เพราะตลาดหุ้นมันเป็นตามสภาพตลาดของมันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นแหล่งรวมอารมณ์ของนักลงทุนทั้งใน และต่างประเทศแถมมีกองทุน และ Prop Trade ที่สู้กันในแต่ละวันมีคนได้ก็ต้องมีคนเสียเราไม่มีทางควบคุมตลาดได้เลย เราควบคุมได้แต่ตัวเราเองนี่แหละด้วยการวิเคราะห์เลือกหุ้น และฝึกดูจิตภายในตัวเรา ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าการเทรดไม้นี้เราจะได้กำไร หรือขาดทุนเลือกหุ้นให้ตรงจริตกับตัวเอง ถ้าไม่มีเวลาเทรดก็ไม่ควรเลือกหุ้นซิ่งหุ้นปั่น เทรดหุ้นตัวใหญ่ที่มีความผันผวนน้อยกว่าก็กำไรได้อย่างเมื่อวันก่อนหุ้นตัวใหญ่อย่าง SCB บวกไป 4% เปิดตลาด 136 บาท ปิดตลาดบวกที่ 141.5 บาท และหุ้นตัวใหญ่ถ้าเป็นสายกราฟจะแม่นยำกว่าด้วย ไม่ค่อยโดนหลอกขอแค่หาให้เจอ
“ส่วนจิตที่เราต้องควบคุมคือ ถ้าทรงหุ้นดูท่าไม่ดีแล้ว ถึงจุด Stop Loss แล้วอย่าฝืน ยิ่งฝืนยิ่งโดนหนัก กราฟที่เราดูก็มีทั้งหลอก และไม่หลอก แต่ถ้ากราฟหลอก ทำท่าเหมือนจะลงเรา Stop Loss ไป เรายังมีเงินสดซื้อคือได้แต่ถ้ามีแต่หุ้นแล้วโดนขังละก็ซวยสถานเดียวเพราะคุณจะได้นั่งมองตาปริบๆ เห็นหุ้นตัวอื่นวิ่งกระจายแต่ไม่มีเงินซื้อ”
ส่วน BID-OFFER ก็เหมือนกัน มีทั้งหลอกว่า ขึ้นจริง ทุบจริง หลอกว่าจะทิ้ง หลอกว่าจะขึ้น ซึ่งมันเป็นพฤติกรรมหุ้นที่เจ้ามือแต่ละรายมีนิสัยในการทำราคาหุ้นไม่เหมือนกัน ถ้าเราจับจังหวะได้ และศึกษาจากการเทรดจริงมามากพอ เราก็สามารถทำกำไรได้โดยไม่จำเป็นต้องดูกราฟเลย ดูแต่ Ticker เพื่อเลือกหุ้น และดูทรงหุ้นวิธีการวาง BID-OFFER เท่านั้นจริงๆ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสาย Day Trade คือ เงินสดต้องพร้อมเสมอ วันไหน SET ดี เราต้องบวก วันไหน SET ติดลบ แล้วเราบวก ทำกำไรสวนตลาดได้นั่นแปลว่าเริ่มเข้าขั้นมีฝีมือแล้ว และยิ่งทำติดต่อกันได้เรื่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติจะไม่สนใจว่าตลาดจะบวกจะลบดูแค่หุ้นที่เราซื้อแล้วเป็นบวกพอ แต่การ Day Trade แล้วทำกำไรติดต่อกันได้จนเคยชินบางทีมันจะเกิด EGO ขึ้น ต้องระวัดระวังให้มากเพราะเจ้าตัว EGO นี่แหละที่ควบคุมยากที่สุด ยิ่งมีเยอะเท่าไหร่ต่อให้เทรดได้กำไรมามากแค่ไหนเดี๋ยวสักวัน EGO ตัวนี้จะเอาคืนแล้วทำให้พอร์ตพังอีกรอบ
โค้ชผ่านมาแล้ว และพังทีหายไป 30-40% เลย แม้จะไม่เข้าเนื้อก็ตาม แต่ใจมันจะพังตามไปด้วยต้องหยุดแล้วกลับมาตั้งสติเลยอยากฝากเตือนไว้ก่อนล่วงหน้าค่ะ
โค้ชเจน นิติการณ์ วณิชจินดาภัสร์ หัวหน้าโค้ชทีม Fire Warrior
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง