xs
xsm
sm
md
lg

เถ้าแก่น้อยเหนือจองเกือบ 44%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เถ้าแก่น้อย เทรดวันแรกเหนือจอง 1.75 บาท หรือ 43.75% จากราคาจองไอพีโอ 4 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 3,82950 ล้านบาท ผู้บริหารเตรียมนำเงินใช้ลงทุนขยายงาน ด้าน บล.เอเซียพลัส ที่ปรึกษาการเงิน ประเมินผลงานอนาคตสดใส มองราคาปีหน้าแตะ 6.60 บาท ด้วยกำลังการผลิตเพิ่้มขึ้น และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะลดลงในปี 59

วานนี้ (2 ธ.ค.) หุ้นของ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เข้าซื้อขายเป็นวันแรกโดยเปิดตลาด พบว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 5.15 บาท จากราคา IPO ที่ 4 บาท หรือเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 28.75% ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 5.75 บาท ต่ำสุดที่ 4.92 บาท หรือเพิ่มขึ้น 1.75 บาท คิดเป็น 43.75% มูลค่าซื้อขาย 3,82950 ล้านบาท

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจหุ้นของ TKN ถือว่าผลตอบรับดีกว่าที่คาดหมายไว้มาก และบริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นครั้งนี้ลงทุนเร่งสร้างโรงงานใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ และสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสาหร่ายให้เพียงพอต่อยอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศ อีกทั้งเราจะเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างเต็มที่

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส หรือ ASP ออกบทวิเคราะห์ของ TKN ซึ่งคาดว่า TKN Fair Value ปี 2559 เท่ากับ 6.60 บาท เพราะ TKN ผู้บุกเบิกธุรกิจขนมขบเคี้ยวสาหร่ายแปรรูปในไทย ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดมากว่า 10 ปีกำลังก้าวสู่เวทีระดับเอเชียด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง พร้อมระดมทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ขยายกำลังการผลิต ส่งผลให้รายได้และกำไรเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2559-2560

ทั้งนี้ ASP ประมาณการกำไรปกติปี 2558 เติบโต 96% เทียบกับปีก่อนหน้าจากยอดขายที่คาดเติบโตโดดเด่นถึง 33% เทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของตลาดส่งออก ขณะที่กำไรปี 2559-2560 คาดเติบโตต่อเนื่อง 14% และ 25% เทียบกับปีที่ผ่านมาตามลำดับ หลังโรงงานใหม่เริ่มผลิตได้ภายในปีหน้า ทำให้กำลังการผลิตสาหร่ายรวมเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 1 เท่าตัว พร้อมรองรับความต้องการจากต่างประเทศที่ปัจจุบันมีสูงเกินกำลังการผลิตมาก โดยเฉพาะในประเทศจีน และอินโดนีเซีย อีกทั้งโรงงานใหม่ยังมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้น รวมถึงได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้ Effective Tax Rate จะลดลงตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป

พร้อมกับประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี DCF โดยอิง WACC 10% ได้ Fair Value ปี 2559 เท่ากับ 6.60 บาท เทียบเท่า Expected PER 21.5 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลังของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสะท้อนถึงการเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น