ที่ปรึกษาการเงิน “อมตะ วีเอ็น” ประเมินช่วงราคาหุ้นไอพีโอที่ 9-10 บาท ขณะการจัดสรรให้นักลงทุนคาดสรุปสัปดาห์นี้ ให้สิทธิผู้ถือหุ้น AMATA 25 หุ้นต่อ 1 หุ้น IPO ของ AMATAVN ในราคาเดียวกับราคาเสนอขาย IPO ให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่ง AMATA กำหนดให้วันที่ 16 พ.ย. 58 เป็นวันกำหนดรายชื่อ
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAVN คาดว่า ช่วงปลายเดือนนี้จะมีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ Book-Building ให้กับนักลงทุนสถาบันเพื่อกำหนดราคาเสนอขายไอพีโอ ทั้งนี้ เบื้องต้นราคาไอพีโอ ตามปกติจะมีส่วนลดให้กับนักลงทุน
โดยคาดว่าส่วนลดที่ให้กับนักลงทุนจะเป็นระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ได้มีการวิเคราะห์ราคาพื้นฐานจากบริษัทหลักทรัพย์ 4 แห่งประเมินไว้อยู่ในช่วง 9-10 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวน ไม่เกิน 166,370,000 หุ้น คิดเป็น 17.79% ของทุนจดทะเบียน ช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกลางเดือนเดียวกัน โดยจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ ปัจจุบัน AMATAVN มีทุนจดทะเบียน 460 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 384.315 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ขณะที่สัดส่วนการจัดสรรหุ้นระหว่างสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยรอประเมินภายหลังการเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ บริษัทจะให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นของ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) จองซื้อหุ้น AMATAVN ในสัดส่วน 25 หุ้นของ AMATA ต่อ 1 หุ้น IPO ของ AMATAVN ในราคาเดียวกับราคาเสนอขาย IPO ให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่ง AMATA กำหนดให้วันที่ 16 พ.ย.58 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อรับสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ AMATAVN (Record date)
“โดยปกติแล้วตามเกณฑ์แล้วต้องเสนอขายไม่ต่ำกว่า 25% ของทุนจดทะเบียน แต่ครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนราว 17% เพราะมีกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ กลุ่มซีพี และกลุ่มสหพัฒน์ถือหุ้นอยู่รวมกัน 8% ซึ่งเราก็นับเป็นนักลงทุนทั่วไป เพราะถือไม่ถึง 5% ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนหุ้นไอพีโอที่เสนอขายจะเท่ากับ 25% และหลังจากการขายหุ้นไอพีโอแล้ว เราคาดว่าสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่จะเป็น AMATA เหลือถือ 73.79% จากเดิม 90% ส่วนกลุ่มสหพัฒน์ และซีพีจะถือรายละไม่ถึง 5% จากก่อนหน้านี้ที่ถือรวมกัน 10% ซึ่งก็เป็นไปตามเกณฑ์” นายรัฐชัย กล่าว
นางสมหะทัย พาณิชชีวะ กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AMATAVN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 723 ล้านบาท ภายใต้คาดการณ์ยอดขายที่ดิน 125 ไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน ขณะที่ราคาที่ดินก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยอีกทั้ง เศรษฐกิจของเวียดนามมีการขยายตัวต่อเนื่อง และมีศักยภาพ ทำให้มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาซื้อที่ดินค่อนข้างมาก โดยเฉพาะญี่ปุ่น รองลงมาเป็นไต้หวัน และเกาหลี โดยขณะนี้ บริษัทมีที่ดินรอการพัฒนาในเวียดนามมากกว่า 4 พันไร่ (ไม่นับรวมโครงการในอนาคต) ที่สามารถรองรับการขายได้อย่างน้อยอีก 10 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากสาธารณูปโภคในพื้นที่นิคม รวมถึงรายได้ค่าเช่า คิดเป็นสัดส่วน 20-30% ของรายได้รวมทั้งหมด
สำหรับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะกลับมาสู่ระดับปกติที่ 40-50% จากปีก่อนที่ลดลงไปเหลือราว 35% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบการเวนคืนที่ดินล่าช้า ทำให้ส่งมอบที่ดินกับลูกค้าไม่ทัน ประกอบกับลูกค้าบางรายมีการขายคืนที่ดิน ส่งผลกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัท ขณะที่ปี 59-60 บริษัทวางเป้ายอดขายที่ดินจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 20% ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% เนื่องจากบริษัทจะมีรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นหลังโครงการที่อยู่อาศัย และคลังสินค้าส่วนใหญ่ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากนี้ พื้นที่นิคมโครงการใหม่ยังมีราคาขายที่แพงขึ้นกว่าปัจจุบัน
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAVN คาดว่า ช่วงปลายเดือนนี้จะมีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ Book-Building ให้กับนักลงทุนสถาบันเพื่อกำหนดราคาเสนอขายไอพีโอ ทั้งนี้ เบื้องต้นราคาไอพีโอ ตามปกติจะมีส่วนลดให้กับนักลงทุน
โดยคาดว่าส่วนลดที่ให้กับนักลงทุนจะเป็นระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ได้มีการวิเคราะห์ราคาพื้นฐานจากบริษัทหลักทรัพย์ 4 แห่งประเมินไว้อยู่ในช่วง 9-10 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวน ไม่เกิน 166,370,000 หุ้น คิดเป็น 17.79% ของทุนจดทะเบียน ช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกลางเดือนเดียวกัน โดยจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ ปัจจุบัน AMATAVN มีทุนจดทะเบียน 460 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 384.315 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ขณะที่สัดส่วนการจัดสรรหุ้นระหว่างสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยรอประเมินภายหลังการเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ บริษัทจะให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นของ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) จองซื้อหุ้น AMATAVN ในสัดส่วน 25 หุ้นของ AMATA ต่อ 1 หุ้น IPO ของ AMATAVN ในราคาเดียวกับราคาเสนอขาย IPO ให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่ง AMATA กำหนดให้วันที่ 16 พ.ย.58 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อรับสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ AMATAVN (Record date)
“โดยปกติแล้วตามเกณฑ์แล้วต้องเสนอขายไม่ต่ำกว่า 25% ของทุนจดทะเบียน แต่ครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนราว 17% เพราะมีกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ กลุ่มซีพี และกลุ่มสหพัฒน์ถือหุ้นอยู่รวมกัน 8% ซึ่งเราก็นับเป็นนักลงทุนทั่วไป เพราะถือไม่ถึง 5% ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนหุ้นไอพีโอที่เสนอขายจะเท่ากับ 25% และหลังจากการขายหุ้นไอพีโอแล้ว เราคาดว่าสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่จะเป็น AMATA เหลือถือ 73.79% จากเดิม 90% ส่วนกลุ่มสหพัฒน์ และซีพีจะถือรายละไม่ถึง 5% จากก่อนหน้านี้ที่ถือรวมกัน 10% ซึ่งก็เป็นไปตามเกณฑ์” นายรัฐชัย กล่าว
นางสมหะทัย พาณิชชีวะ กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AMATAVN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนที่ทำได้ 723 ล้านบาท ภายใต้คาดการณ์ยอดขายที่ดิน 125 ไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อน ขณะที่ราคาที่ดินก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยอีกทั้ง เศรษฐกิจของเวียดนามมีการขยายตัวต่อเนื่อง และมีศักยภาพ ทำให้มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาซื้อที่ดินค่อนข้างมาก โดยเฉพาะญี่ปุ่น รองลงมาเป็นไต้หวัน และเกาหลี โดยขณะนี้ บริษัทมีที่ดินรอการพัฒนาในเวียดนามมากกว่า 4 พันไร่ (ไม่นับรวมโครงการในอนาคต) ที่สามารถรองรับการขายได้อย่างน้อยอีก 10 ปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากสาธารณูปโภคในพื้นที่นิคม รวมถึงรายได้ค่าเช่า คิดเป็นสัดส่วน 20-30% ของรายได้รวมทั้งหมด
สำหรับอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะกลับมาสู่ระดับปกติที่ 40-50% จากปีก่อนที่ลดลงไปเหลือราว 35% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบการเวนคืนที่ดินล่าช้า ทำให้ส่งมอบที่ดินกับลูกค้าไม่ทัน ประกอบกับลูกค้าบางรายมีการขายคืนที่ดิน ส่งผลกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัท ขณะที่ปี 59-60 บริษัทวางเป้ายอดขายที่ดินจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 20% ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 30% เนื่องจากบริษัทจะมีรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นหลังโครงการที่อยู่อาศัย และคลังสินค้าส่วนใหญ่ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากนี้ พื้นที่นิคมโครงการใหม่ยังมีราคาขายที่แพงขึ้นกว่าปัจจุบัน
