ไดอิ กรุ๊ป เทรดวันแรกซิ่ลลิ่ง 200% ราคาปิดเหนือจอง 8 บาท จากราคาจอง IPO ที่หุ้นละ 4 บาทคิดเป็นเพิ่มขึ้น 12 บาท ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาการเงินปลื้ม เชื่อนักลงทุนมองเห็นศักยภาพและการเติบโตของบริษัท
วานนี้ (22 ก.ค.) หุ้นของ บริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ DAII เข้าซื้อขายเป็นวันแรก โดยราคาหุ้น DAII ตอนเปิดตลาดปรับตัวขึ้นไปที่ 10.00 บาท จากราคา IPO ที่ 4 บาท เพิ่มขึ้น 150% มูลค่าการซื้อขายกว่า 130.21 ล้านบาท และระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 12 บาท ต่ำสุดที่ 7.70 บาท และปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 12 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท คิดเป็น 200% มูลค่าซื้อขาย 5,300.29 ล้านบาท
นายธวัช มีประเสริฐสกุล กรรมการผู้จัดการ DAII กล่าวว่า ขอขอบคุณนักลงทุนอย่างมากที่ให้การตอบรับบริษัทเป็นอย่างดี ในการเข้าซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นเพราะมีนักลงทุนที่มองเห็นถึงอนาคตการเติบโตของบริษัท และบริษัทจะพยายามพัฒนาธุรกิจให้มีการเติบโตต่อเนื่อง
โดยหลังจากการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และสามารถรับงานในปริมาณที่มากขึ้น โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) เหลือเพียง 0.4 เท่า จากปัจจุบันที่ 0.7 เท่า ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และเพิ่มอัตรากำไรให้มากขึ้น โดยหลังจากได้เงินระดมทุนบริษัทก็จะนำไปขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มอัตรากำไรสุทธิในแผนงานระยะ 5 ปีให้ได้ 14-15% (2559-2563) โดยปีนี้มั่นใจว่า บริษัทจะมีกำไรไม่น้อยกว่า 5-6% ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ในส่วนของประมาณการเป้าหมายรายได้หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว คาดว่าจะเติบโตขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 20% โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้สุทธิ 357.98 ล้านบาท
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นของ DAII กล่าวว่า มีความยินดีที่ราคาเปิดการซื้อขายในวันแรกของ DAII สูงกว่าราคาขาย IPO ที่ 4 บาท ซึ่งราคาเปิดเทรดวันแรกอยู่ที่ 10 นั่นเพราะเชื่อว่านักลงทุนน่าจะมองถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในอนาคตเป็นหลัก เนื่องจาก DAII เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูป และเป็นผู้นำธุรกิจรั้วสำเร็จรูปซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและลูกค้าทั่วไป นอกจากนี้ จำนวนหุ้นที่เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) มีเพียง 30 ล้านหุ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อย แต่ความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการซื้อมีจำนวนที่มากกว่า
