ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ เทรดวันแรกเหนือจอง 0.72 บาท หรือ 25% มูลค่าซื้อขาย 2,107.71 ล้านบาท ผู้บริหารปลื้มเตรียมนำเงินไปใช้ขยายงานตามแผน ขณะที่ปรึกษาการเงินเผยเปิดซื้อขายวันแรกได้อย่างน่าประทับใจ เป็นผลมาจากการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจของ TACC และปัจจัยพื้นฐานที่แกร่ง
วานนี้ (1 ธ.ค.) หุ้นของ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เข้าซื้อขายเป็นวันแรก โดยเปิดตลาดพบว่า ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.88 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 34.72% จากราคา IPO ที่จองซื้อหุ้นละ 2.88 บาท ระหว่างวันราคารปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 4.16 บาท ต่ำสุดที่ 3.60 บาท และเมื่อตลาดปิดพบว่า ราคาหุ้นอยู่ที่ 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.72 บาท หรือ 25% มูลค่าซื้อขาย 2,107.71 ล้านบาท
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร TACC เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้น TACC เข้าเทรดวันแรกสูงกว่าราคาจองไอพีโอ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจ และแผนการดำเนินงานในอนาคตของ TACC โดยบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายการลงทุนธุรกิจเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ ซึ่งมีแผนติดตั้ง 1,500 เครื่อง ภายในปี 2560 โดยในปีนี้มีแผนติดตั้ง 10 เครื่อง ปี 2559 จำนวน 740 เครื่อง และปี 2560 จำนวน 750 เครื่อง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
“ผมต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับ TACC อย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ขอสัญญาว่าจะเดินหน้าทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังขยายการลงทุนในธุรกิจเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ และบริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้รายได้ของให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต” นายชัชชวี กล่าว
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน TACC กล่าวว่า การเปิดซื้อขายวันแรกได้อย่างน่าประทับใจของ TACC วันนี้ เป็นผลมาจากการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจของ TACC จากการที่ TACC มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตของธุรกิจเครื่องกดเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติที่จะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของ TACC สามารถเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วง 3 ปีข้างหน้า
“ผมมั่นใจว่า หุ้น TACC จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่ครองใจนักลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง” นายสมภพ กล่าว