สหกลอิควิปเมนท์ เทรดวันแรกเหนือจอง 0.80 บาท หรือ 25% จากราคาไอพีโอ ที่ปรึกษาการเงิน และผู้บริหารเผยนักลงทุนเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัท และเป็นธุรกิจที่มีอนาคตการเติบโตดี และคู่แข่งน้อยราย
วานนี้ (25 ต.ค.) หุ้นของบริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เปิดเทรดวันแรก โดยเมื่อเปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 4.22 บาท เพิ่มขึ้น 1.02 บาท หรือเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 31.88% จากราคาขาย IPO ที่ 3.20 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุด 4.62 บาท ต่ำสุด 3.98 บาท และเมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 4 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 25% มูลค่าซื้อขาย 2,971.29 ล้านบาท ที่ปรึกษาการเงิน-ผู้บริหารประสานเสียง นักลงทุนเชื่อมั่นในพื้นฐานที่ดี ธุรกิจมีอนาคต และคู่แข่งน้อยราย
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการร่วมการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้น SQ กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้น SQ ในช่วงเปิดทำการซื้อขายวันแรก แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัท ซึ่ง SQ ถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพราะบริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเฉพาะทางที่มีคู่แข่งน้อยราย ประกอบกับมีคู่ค้าที่มีชื่อเสียง และมีอายุสัญญาโครงการไม่น้อยกว่า 10 ปีต่อโครงการ ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า บริษัทจะไม่เกิดสุญญากาศทางธุรกิจ และแนวโน้มของรายได้ที่มีความสม่ำเสมอ และมีความมั่นคง ประกอบกับผู้บริหารมีการพัฒนาศักยภาพการทำงาน และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ช่วย ซึ่งผลักดันให้ธุรกิจของ SQ มีการเติบโตได้อย่างดีในอนาคต
บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ SQ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ประเมินราคาพื้นฐานปีหน้าของหุ้น SQ ไว้ที่ 4.30 บาท โดยคาดกำไรปกติปี 59-61 โตสูงเฉลี่ย 75% ต่อปี เพราะรับรู้รายได้โครงการเหมืองหงสา และเหมืองแม่เมาะโครงการ 8 เต็มปีตั้งแต่ปี 59 กำไรครึ่งแรกปี 59 กำไรเพิ่มขึ้น 136% เทียบกับปีก่อน คิดเป็น 50% ของทั้งปีที่คาด ซึ่ง SQ เป็นผู้รับเหมาให้บริการทำเหมืองแร่แบบครบวงจรทั้งใน และต่างประเทศ ตั้งแต่วางแผนเปิดหน้าเหมือง ขุดขนแร่ และเป็นที่ปรึกษาด้านงานเหมือง มีคู่แข่งน้อยราย รายได้มั่นคง เพราะมี Backlog 3.7 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ 10 ปี
นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SQ กล่าวว่า วันนี้บริษัทมีความพอใจราคาหุ้น SQ ที่เข้าเทรดวันแรกช่วงเปิดการซื้อขายที่ 4.22 บาท เพิ่มขึ้น 31.88% จากราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 3.20 บาท โดยบริษัทมองว่า นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของบริษัทที่มีความมั่นคง และมีรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับบริษัทมีสัญญางานรับเหมาในระยะยาว ซึ่งรองรับการเติบโตในอนาคต
โดยบริษัทเข้าไปรับงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จะช่วยสนับสนุนให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของบริษัทภายในอีก 5 ปีข้องหน้า หรือภายในปี 64 เพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพียงการรับงานที่เหมืองถ่านหินหงสาใน สปป.ลาวเท่านั้น เพราะมองเห็นถึงโอกาสในการขยายการรับงานในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ซึ่งคาดว่าจะมีงานต่างๆ ทยอยออกมามากขึ้น ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าไปรับงานเหมืองดีบุกในประเทศเมียนมา โดยได้เจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุป
โดยในปี 60 บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 2 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2.32 หมื่นล้านบาท คือ โครงการเหมืองถ่านหิน-เซกอง ประเทศลาว มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท และโครงการเหมืองถ่านหินแม่เมาะ 9 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทคาดว่า จะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะไตรมาส 4/59 การทำงานต่างๆ เดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงที่ฝนเริ่มหยุดตก ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยจะรับรู้รายได้ในระยะ 10 ปีจากนี้ เป็นการเฉลี่ยรับรู้รายได้ปีละเท่าๆ กัน
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะ “ซื้อ” หุ้นสหกลอิควิปเม้นท์ กำหนดราคาพื้นฐานด้วย P/E ปี 60 ที่ 12.5 เท่า เป็น 4.25 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาจองถึง 33% และราคาพื้นฐานเทียบเท่ากับ P/BV และ PEG ปี 60 ที่ 1.9 และ 0.26 เท่าตามลำดับ ด้านคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี ปี 60 และ 61 เป็น 4.3% และ 5.6% ตามลำดับ (ด้วยนโยบายจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ซึ่งกำหนดให้เป็น 40%) อีกทั้งอัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) อยู่ในเกณฑ์สูง คาดว่าสิ้นปี 60 เป็น 16.4%