ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ มั่นใจคุณสมบัติครบถ้วนพร้อมชิงเค้กโครงการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์เฟสแรก หลังยื่นซองเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้า จำนวน 70 เมกะวัตต์ ดีเดย์พร้อมจับฉลาก 15 ธ.ค.นี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจเตรียมเงินทุนลุยขยายธุรกิจทันทีเพื่อผลักดันผลการดำเนินงานในปี 59 เติบโตต่อเนื่อง ส่วนเป้าปีนี้คาดบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเป้าทำกำไรสุทธิมากกว่า 500 ล้านบาท
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ภาครัฐ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจในเกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าร่วมยื่นขอใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) จากโครงการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ในเฟสแรก จำนวน 600 เมกะวัตต์ โดย TSE ได้ยื่นขอใบอนุญาตเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ที่ร่วมกับหน่วยงานราชการและสหกรณ์รวม 14 โครงการ รวม 70 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพื้นที่บริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งมั่นใจว่าด้วยคุณสมบัติของบริษัทฯ และโครงการที่ยื่นเสนอในครั้งนี้เข้าเกณฑ์คุณสมบัติตามที่ กกพ. เป็นผู้กำหนดว่าที่ดินของโครงการจะต้องไม่ติดผังเมืองสีเขียว และอยู่ในเขตที่มีสายส่ง จึงมั่นใจว่าด้วยคุณสมบัติ และศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ จะผ่านคุณสมบัติ และมีสิทธิเข้าร่วมจับฉลากใบอนุญาตในวันที่ 15 ธ.ค. ก่อนประกาศผลอย่างเป็นทางการว่าจะได้รับใบอนุญาตหรือไม่ ในวันที่ 25 ธ.ค.นี้
สำหรับผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะมีอายุสัญญาซื้อขาย 25 ปี และจะรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่ 5.66 บาทต่อหน่วย ซึ่งเบื้องต้น บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมด้านเงินทุนเพื่อดำเนินโครงการทันทีหากได้ใบอนุญาต และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบ (COD) ได้ภายในเดือนกันยายน 2559 ตามที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดเพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป
“เรามีความมั่นใจด้วยคุณสมบัติของบริษัทฯ ที่มีการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่นในกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการที่นำเสนอไปนั้นจะทำให้ TSE ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการฯ ให้เข้าไปจับฉลากเพื่อชิงใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ในครั้งนี้” ดร.แคทลีน กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 124.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในรอบ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปีนี้ บริษัทฯ ทำกำไรสุทธิ 406 ล้านบาท และคาดว่าเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปีของปี 2558 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดว่าจะทำได้มากกว่า 500 ล้านบาทอย่างแน่นอน