ซีอีโอSPCG เผยไตรมาส 3 โกยกำไรพุ่ง 1.9 พัน ล. มั่นใจปีนี้ผลประกอบการทะลุ 5 พันล้านแน่ พร้อมเซ็นสัญญากับญี่ปุ่นแล้ว ผุดโซลาร์ฟาร์มยักษ์ 750 ไร่ กำลังผลิต 30 เมกะวัตน์ คาดหลังเซ็นสัญญาซื้อขายไฟยาว 20 ปี เริ่มขายไฟฟ้าปี 60
น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้จัดงาน “บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน หรือ Opportunity Day” ของบริษัท เอสพีซีจี โดยเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ บมจ.เอสพีซีจี ประจำไตรมาสที่ 3 / 2558 จากงบการเงินรวมสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2558 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 3,713.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 2991.1 ล้านบาท กำไรสุทธิรวมจำนวน 1,923.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิรวมจำนวน 1205.2 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นจำนวน 1.842 บาทต่อหุ้น เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าครบทั้งหมด 36 โครงการ และคิดเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 457 ล้านบาท และคาดว่า ผลประกอบการทั้งปีจะไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟ ของประเทศไทยในอนาคต ภายใต้แบรนด์ SPR Solar Roof ผู้นำการติดตั้งการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน โดยมีการรับประกันค่าพลังงานที่ผลิตได้ รวมทั้งมีการบริการหลังการขาย อีกทั้งรัฐบาลยังให้การส่งเสริมสำหรับธุรกิจที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาภายใต้การสนับสนุนของบีโอไอ ตลอดจนมีเครื่องมือทางการเงินสำหรับสนับสนุนธุรกิจโซลาร์รูฟภายใต้การจัดตั้งบริษัท เอสพีซีจี ลิสซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการด้านสินเชื่อแก่ลูกค้าที่มีความสนใจในการติดตั้ง SPR Solar Roof
สำหรับแผนการร่วมทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ ฟาร์ม) บริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Tottori Yanago ประเทศญี่ปุ่น พื้นที่ประมาณ 750 ไร่ กำลังผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในระยะยาวเป็นเวลา 20 ปี กับผู้รับซื้อไฟฟ้ารายใหญ่ของภูมิภาค พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in tariff (FIT) โดยตั้งเป้าหมายสำหรับโครงการแรกที่จะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ภายในปี 2560 นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชาอีกด้วย