ผู้จัดการรายวัน 360 องศา - ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป คาด รายได้ปีนี้ลงเหลือ 4-7% ต่ำกว่าประมาณการต้นปีจะเติบโตที่ 7-8% “ธีรพงศ์ จันดี” เชื่อ แนวโน้มปีหน้าจะเติบโตได้ 15-20% ผ่านกลยุทธ์รุกเจาะตลาดเกิดใหม่ตะวันออกกลาง-เอเชีย ควบคู่การขยายตลาดในฝั่งยุโรป-สหรัฐฯ ระบุ แผนซื้อกิจการบับเบิ้ลบีได้ข้อสรุป 18 ธ.ค.นี้
นายธีรพงศ์ จันดี ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจในปี 2559 ของ TU ว่าจะเติบโตราว 15-20% จากรายได้รวมในปีนี้ที่ 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากเชื่อมั่นว่าแนวโน้นการทำธุรกิจในปีหน้าจะสดใสยิ่งกว่าปีนี้
โดยสาเหตุหลักมาจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารทะเลปรับตัวเพิ่มขึ้น 5-10% แต่ไม่ถือว่ามากเกินไป ด้านแนวโน้มค่าเงินบาทคาดจะยังคงอยู่ในระดับอ่อนค่า และค่าทรงตัวได้ต่อไปได้อีก 1 ปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนทั้งภาคส่งออก และนำเข้าของประเทศได้ ส่วนแบรด์สินค้าของ TU ในตลาดสหรัฐอเมริกา และยุโรปนั้นยังคงมีแผนที่จะเติบโตแข็งแกร่งในปีหน้า
นอกจากนี้ TU ยังเตรียมแผนนำนวัตกรรมการผลิตอาหารใหม่มาใช้ได้ในปีหน้า โดยจะเริ่มเห็นผลได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ส่วนตลาดเกิดใหม่ที่ TU เคยร่วมทุนในดูไบนั้น ในปีหน้ายอดขายอาจมีไม่มากนัก และบริษัทฯ ก็ต้องการเห็นการเติบโตของรายได้ในระดับ 400 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2564 ด้านแนวโน้มธุรกิจกุ้งทั้งระบบในปีหน้า TU คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 แสน-3 แสนล้านตัว หรือเพิ่มขึ้นอีก 10% จากปีนี้ที่มี 2.5 แสนตัน ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจค้ากุ้งของไทยเติบโตได้ในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ย้ำว่า จะเริ่มขยายส่วนแบ่งการตลาดในประเทศเกิดใหม่ที่อยู่ในตะวันออกกลางและเอเชียมากขึ้น เช่นเดียวกับการเพิ่มมูลค่าสินค้ากลุ่ม by product เพื่อส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มประเทศยุโรป และสหรัฐอเมริกาซึ่งในปัจจุบันยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
สำหรับความคืบหน้าในการเข้าซื้อบริษัทบับเบิ้ลบี ซึ่งเป็นธุรกิจค้าอาหารทะเลในประเทศสหรัฐฯ นั้น จะมีข้อสรุปที่เป็นรายละเอียดจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ และหากมีคำตัดสินสรุปให้ TU สามารถเข้าซื้อกิจการของบับเบิ้ลบีได้แล้ว TU จึงจะเริ่มขาย Chicken of The Sea เฉพาะธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาหารทะเลออกไปตามเงื่อนไขกฎหมายปกป้องการครอบงำตลาดของประเทศสหรัฐฯ เป็นลำดับต่อไป ปัจจุบันบับเบิ้ลบีมีส่วนแบ่งตลาด 25% ส่วน Chicken of the Sea มีส่วนแบ่งตลาด 17%
ทั้งนี้ TU ยังสรุปผลการดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทฯ ด้วยว่า รายได้เติบโต 4% ลดลงเนื่องจากผลกระทบจากปัญหาค่าบาทที่แข็งตัวในช่วงต้นปี แต่หากพิจารณารายได้เฉพาะไตรมาส 3 จะเติบโต 7% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคาดหมายว่าตลอดทั้งปี 2858 รายได้รวมเฉลี่ยจะปรับตัวลงเหลือ 4-7% จากเมื่อต้นปีที่เคยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีรายได้เติบโตอยู่ที่ 7-8% หรือ 1.2 แสนล้านบาท โดยในปี 2559 บริษัทฯ ยังได้ตั้งงบสำหรับการลงทุนทั่วไปโดยไม่นับรวมงบลงทุนเพื่อซื้อกิจการไว้ที่ระดับ 3.5 พันล้านบาท
ด้านฐานะทางการเงินของ TU เมื่อสิ้นไตรมาส 3/58 มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E อยู่ที่ 0.64 เท่า เทียบจากสิ้นปี 2557 ที่เคยมี 0.85 เท่า และแนวโน้มยังลดลงต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย, ภาษี, ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 2557 ที่อยู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทฯ คาดว่า EBITDA ในปีนี้จะเป็นอยู่ในระดับที่สูงสุด