พฤกษาฯ มั่นใจ 3 ปัจจัยแบ็กล็อกในมือ 16,543 ล้านบาท มารตการกระตุ้นอสังหาฯ และแผนธุรกิจ ดันรายได้ทั้งปีเกินเป้า 47,000 ล้านบาท หลัง 9 เดือนรายได้พุ่ง 33,211 ล้านบาท โตจากปีก่อน 9.3% ด้านยอดขาย 3 ไตรมาส 34,455 ล้านบาทโต 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เผย 9 เดือนตลาดรวมโต 19% คาดทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 15% เชื่อปี 59 ตลาดรวมโตต่อเนื่อง หลังรัฐสั่งปรับลดขั้นตอนการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐาน ลดขั้นตอน EIA เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจดันตัวเลขจีดีพี ส่งผลอสังหาฯ ขยายตัวตาม
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า 3 ไตรมาสที่ผ่านมา บริษัท สามารถสร้างยอดขายรวม 34,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมียอดขายรวม 31,330 ล้านบาท 10% และมีรายได้รวมที่ 33,211 ล้านบาท เติบโตจากช่วง 9 เดือน ของปี 57 กว่า 9.3% ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือน อยู่ที่ 4,697 ล้านบาท โดยสัดส่วนของยอดขาย และรายได้ดังกล่าวคิดเป็น 73.3% และ 70.7% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 47,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีผลประกอบการเกินกว่าเป้าที่วางไว้ เนื่องจากปัจจุบันยังเหลือยอดโอนที่ต้องทำเพิ่มอีกเพียง 13,789 ล้านบาท ก็จะมียอดรายได้เป็นไปตามเป้า 47,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมียอดขายรอบันทึกเป็นรายได้ (แบ็กล็อก) ในมือที่จะทยอยบันทึกในปีนี้อีกกว่า 16,543 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ายอดโอนที่ต้องการ ขณะที่รัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯ ออกมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเร่งตัดสินใจโอนของลูกค้า บวกกับแผนธุรกิจของบริษัทที่เน้นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวสูง หรือคอนโดมิเนียมให้มากขึ้น ทำให้ขณะนี้พฤกษาฯ มีห้องชุดพร้อมโอนในมือคิดเป็น 60% ของแบ็กล็อกในมือ ซึ่งสอดรับต่อมาตรการในช่วงปลายปีนี้ จึงมั่นใจว่าในปี 58 นี้จะมียอดรับรู้รายได้เกินกว่าเป้าประมาณการที่วางไว้
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาด 255,466 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ในช่วงปลายปีนี้รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนในการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนองเหลือเพียง 0.01% นอกจากช่วยให้ลูกค้าที่โอนบ้านภายในปีนี้ได้รับประโยชน์แล้ว ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็สามารถมีรายได้จากการโอนบ้านก่อนสิ้นปีนี้ด้วย โดยคาดว่าทั้งปีตลาดอสังหาฯ น่าจะเติบโตอยู่ที่ 15% คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวม 337,487 ล้านบาท ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้
ด้าน นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวว่า ด้วยกลยุทธ์การบริหารงานที่ไม่หยุดนิ่งในการคิดสร้างสรรค์คุณค่าเพื่อลูกค้า (Create Value) จึงพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพทุกกระบวนการ ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่อง สวนกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย.58 บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมทั้งสิ้น 33,211 ล้านบาท โดยยังคงเหลือที่จะรับรู้เป็นรายได้ของไตรมาส 4 ปี 2558 นี้อีกประมาณ 16,543 ล้านบาท รวมทั้งช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 36 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 35,641 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยว 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขายในขณะนี้อีกว่า 176 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 80,362 ล้านบาท จึงมั่นใจได้ว่าในปีนี้บริษัทฯ ยังคงรักษาระดับการเจริญเติบโต ทั้งด้านยอดขาย และรายได้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนกรณีการสร้างความต่อเนื่องของกำลังซื้อของผู้บริโภคหลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ นั้น เชื่อว่าหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายให้ลดขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และลดขั้นตอนการอนุมัติ EIA หรือจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะทำให้โครงการลงทุนดังกล่าวเดินได้เร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเร็วขึ้น และส่งผลดีต่อการขยายตัวของจีดีพี และกำลังซื้อของผู้บริโภคในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯ ขยายตัวดีขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในปี 59 นั้น มองว่ายังมีการขยายตัวที่ดี และต่อเนื่องจากปีนี้เพราะในปีหน้าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านโครงการภาครัฐ เช่น โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว และส่งผลต่อจีดีพีของประเทศในปีหน้า ซึ่งแน่นนอนว่าเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวดี จะส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ขยายตัวตามไปด้วย ส่วนการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ ในปี 59 จะสูงหรือต่ำกว่า 15% หรือไม่ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยประกอบ โดยเฉพาะการปรับขึ้นลงของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการขึ้นลงของดอกเบี้ยในประเทศ และการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในอนาคต