การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ กดดันราคาทองคำเคลื่อนไหวแดนลบมากขึ้น อีกทั้งมาตรการกระตุ้นจากธนาคารยุโรปยังเร่งดอลลาร์แข็งค่า “วายแอลจี” ประเมินหากราคามีการดีดตัวขึ้นแต่ยังไม่กลับไปถึง 1,130-1,135 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ อาจจะต้องทยอยแบ่งออกขาย พร้อมพิจารณาโซนแนวรับถัดไปบริเวณ 1,050 ดอลลาร์/ออนซ์ ก่อนเข้าทยอยสะสม
นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้ว่า ภาพรวมของราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมายังเป็นอีกสัปดาห์ที่ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ และยังคงเห็นแรงขายอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนยังคงลดความเสี่ยงจากการที่สกุลเงินดอล์ลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า และมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “เฟด” จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในสิ้นปีนี้ หรือในการประชุมวันที่ 15 และ 16 ธันวาคม หลัง นางเจเน็ต เยลเลน ประธานกลางธนาคารสหรัฐฯ แถลงต่อสภาครองเกรสโดยมีการส่งสัญญาณถึงความมั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจทางฝั่งสหรัฐฯ และมีการคาดการว่า หากยังคงสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งเอาไว้ได้จะทำให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
“การส่งสัญญาณดังกล่าวซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ซึ่งนายมาริโอ้ ดาร์กี้ ยังคงมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในโซนยูโรโซนที่ยังคงชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึง ECB อาจจะต้องจำเป็นออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ดังนั้น ความแตกต่างของนโยบายการเงินที่แตกต่างกันมากส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์มีการแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และสกุลเงินยูโรมีการอ่อนตัวค่อนข้างมาก ทำให้ราคาทองคำมีการดิ่งตัวลงมา”
โดยปัจจัยที่ยังคงต้องติดตาม นั่นคือ ฝั่งแนวโน้มเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ว่ายังคงมีทิศทางที่แข็งแกร่ง หรือสดใสอยู่หรือไม่ เพราะหากยังคงมีทิศทางที่สดใส และแข็งแกร่ง ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวเร่ง และตัวสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในระยะเวลาอันเร็วขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจในฝั่งยูโรโซน หรือยุโรปอาจจะคงต้องจับตาการแถลงการณ์ของประธานกรรมการกลางยุโรปจะออกมาในทิศทางใด
“การส่งสัญญาณการปรับอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนธันวาคมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวในส่วนของราคาทองคำอาจจะเบาบางลง”
ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ อาจจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากแนวโน้มราคาทองคำยังคงมีทิศทางที่ไม่ค่อยสดใส และอาจมีการอ่อนตัวลงต่อ หากเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง ทั้งนี้ YLG ประเมินในส่วนของโซนแนวรับบริเวณ 1,080 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยหากยืนอยู่อาจจะเกิดการดีดตัว หรือการรีบราวนด์ขึ้น และจะต้องจับตาว่าการดีดตัว หรือรีบราวนด์ดังกล่าวแรงขายยังคงมากขึ้นหรือไม่
“ต้องพิจารณาว่าหากราคามีการดีดตัวขึ้นยังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนอยู่เหนือบริเวณ 1,130-1,135 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ อาจจะต้องทยอยทองคำแบ่งออกขายเป็นชุดๆ เพื่อทำกำไร ขณะที่ในส่วนของการเข้าซื้ออาจจะดูในส่วนของบริเวณ 1,080 ดอลลาร์/ออนซ์ ว่า ราคาทองคำสามารถตั้งฐานได้หรือไม่ เพราะหากทำได้อาจจะเป็นลักษณะการเข้าซื้อเพื่อการลงทุนระยะสั้นจากการแกว่งตัว แต่หากยืนไม่ได้อาจจะต้องถอยจุดเข้าซื้อไปโซนแนวรับถัดไปบริเวณ 1,050 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งหากราคามีการอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับดังกล่าว นักลงทุนอาจจะพิจารณาเก็บสะสมทองคำบางส่วนหากรับความเสี่ยงได้สูง แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจจะต้องชะลอในส่วนของการเข้าซื้อเพื่อรอการตั้งฐานราคาทองคำก่อนที่จะเข้ามาสะสมการลงทุนเพิ่มเติม”
