สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง เคาะราคาหุ้น IPO ที่ 9 บาท/หุ้น จ่อเข้าเทรดหุ้น IPO กว่า 1,735 ล้านหุ้น ในเดือนธันวาคมนี้ ผู้บริหารเผยนำเงินระดมทุนที่ได้ไปชำระหนี้ และปรับโครงสร้างทางการเงิน ตลอดจนถึงใช้เป็นทุนหมุนเวียนในธุรกิจ บอร์ดย้ำชัดเจนไม่หวั่นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเทขายหุ้นออกของ ปตท.
นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ผู้จัดการฝ่ายการเงินและคลัง บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด หรือ SPRC กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมที่จะมีการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวนไม่เกิน 1,735,315,500 หุ้น โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 345,018,900 หุ้น หุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ ซึ่งเสนอขายโดย บมจ.ปตท. หรือ PTT จำนวนไม่เกิน 1,390,296,600 หุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 173,531,400 หุ้น ในราคา IPO ที่ 9 บาท/หุ้น และราคาพาร์ ที่ 6.92 บาท/หุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของการเข้าจดทะเบียนเพื่อระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมไปใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงินในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และชำระหนี้ต่อสถาบันการเงิน ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัท ขณะที่ในส่วนของความกังวลต่อนักลงที่เกิดขึ้นต่อกรณีที่ บมจ.ปตท. ซึ่งถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนที่ 36% จะเทขายหุ้นออกทั้งหมด อาจกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ นั้น เนื่องจากหากพิจารณาในตัวสัญญา EVERGREEN ที่เป็นสัญญาผูกพันระยะยาวต่อการกลั่น และจำหน่ายน้ำมันกับ ปตท.แล้ว ถือว่าไม่ส่งผลกระทบ
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะไปโรดโชว์แก่นักลงทุนในประเทศ โดยจะเน้นหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ขณะที่ในส่วนของต่างประเทศจะไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ ลอนดอน ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 165,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นกำลังการผลิตร้อยละ 13 ของกำลังการกลั่นน้ำมันดิบทั้งหมดของประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิตที่เน้นการผลิตน้ำมันเบนซิน ทำให้ SPRC สามารถผลิตน้ำมันเบนซินในปริมาณเกือบหนึ่งในสามของความต้องการใช้ภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET แล้ว สัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมจะเปลี่ยนไป จากเดิมที่ CHEVRON ถือหุ้นในบริษัทจำนวน 64% และ PTT ถือหุ้นในบริษัทจำนวน 36% จะเปลี่ยนเป็น CHEVRON ถือครองหุ้นในสัดส่วนที่ 57.05-60.6% ส่วน PTT ถือครองหุ้นในสัดส่วนที่ 0.0% หากซื้อหุ้นกลับคืนมาภายหลังจะมีสัดส่วนหุ้นที่ 5.4% ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยใน ตลท.จะอยู่ที่ 33.2% - 41.8%
ทั้งนี้ SPRC จะเข้าทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 8 เดือนธันวาคม 2558 นี้ ภายใต้หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “SPRC”
