xs
xsm
sm
md
lg

“คลัง” เร่งปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบภายในสิ้นปี คาดระบบใหม่ทำได้เม็ดเงินเข้ารัฐแสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบภายในสิ้นปี แย้มปรับฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่ำกว่า 35% พร้อมดึงเอกชนทำบัญชีเล่มเดียว และจัดระบบ E-Payment หวังดึงเม็ดเงินเข้ารัฐได้กว่าแสนล้าน โดยไม่ต้องขยับภาษีมูลค่าเพิ่ม

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษในการเสวนา “ปฏิรูปภาษี ทำให้ดี มีแต่ได้” จัดโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาภาษีอากร และศูนย์วิจัยกฎหมายและการพัฒนา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยระบุว่า ปัจจุบันคนไทยยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษี 10.9 ล้านคน แต่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ต้องเสียภาษี 6.6 ล้านคน จึงมีผู้เสียภาษีเพียง 4 ล้านคน ขณะที่เอกชนจดทะเบียนต่อกระทรวงพาณิชย์ 1.18 ล้านราย ดำเนินกิจการ 600,000 ราย แต่เสียภาษีเพียง 300,000-400,000 ราย

ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้จัดอันดับไทยมีศักยภาพการจัดเก็บภาษีอันดับที่ 62 จากทั้งหมด 167 ประเทศ โดยไทยมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีร้อยละ 17.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่ศักยภาพการจัดเก็บภาษีจริงควรเป็นร้อยละ 21-22 ของจีดีพี

นายสมชัย กล่าวว่า รัฐบาลจึงมีนโยบายให้กระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ คณะกรรมการปฏิรูประบบภาษีของกระทรวงการคลัง เตรียมสรุปผลศึกษาทั้งระบบเสนอโครงสร้างอัตราภาษี และแนวทางในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ให้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้โครงสร้างภาษีใหม่บังคับใช้ภายในปี 2559

ทั้งนี้ เนื่องจากฐานรายได้ภาษีมาจากการบริโภคมีสัดส่วนร้อยละ 57 จากฐานเงินได้นิติบุคคล และบุคคลธรรมดาร้อยละ 42 จากด้านทรัพย์สินมีเพียงร้อยละ 1 นับว่าน้อยมาก จึงต้องเดินหน้าจัดเก็บภาษีจากฐานทรัพย์สินเพิ่ม เนื่องจากไทยเริ่มเข้าสู่สังคมวัยชรา และต้องมีภาระด้านการศึกษา ดังนั้น จึงต้องการเสนอปรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ต่ำกว่าร้อยละ 35 เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนี้ ยังปรับประสิทธิภาพจัดเก็บภาษีด้วยการดึงเอสเอ็มอีทำบัญชีเดียวทั้งยื่นกู้ และแสดงแบบเงินได้ต่อกรมสรรพากร รวมทั้งการใช้ระบบ e-payment เพื่อให้การใช้จ่ายส่วนใหญ่ของประชาชนหันมาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ทุกคนเข้าสู่ระบบ และขยายฐานภาษีได้มากขึ้น คาดว่า 2 แนวทางดังกล่าวสามารถดึงรายได้นับแสนล้านบาทเข้าสู่รัฐ โดยไม่ต้องมีการเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีอื่น เช่น การขยับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจากปัจจุบันร้อยละ 7 เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนมีภาระเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น