xs
xsm
sm
md
lg

“PTT” ขาดทุนยับ!!! ใน Q3/58 จากสินทรัพย์ด้อยค่า และค่าเงินผันผวน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพจากอินเตอร์เน็ต
MBKET ชี้แนวโน้ม PTT ยังคงขาดทุนสุทธิต่อเนื่องกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท เหตุมีสินทรัพย์ด้อยค่า 4.1 หมื่นล้านบาท และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราผันผวนอีกกว่า 5.9 พันล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) MBKET คาดว่า ผลประกอบการของ บมจ.ปตท หรือ PTT ที่มีแนวโน้มจะออกมาขาดทุนได้ถูกรับรู้ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ หลัง บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP รายงานผลประกอบการขาดทุนจำนวนมากจากการตั้งขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์กว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะกลับเป็นมีกำไร จากขาดทุนด้อยค่า และขาดทุนสต๊อกจำนวนมากที่จะไม่เกิดซ้ำ และจะได้ประโยชน์จากปรับลงต้นทุนราคาก๊าซฯ ในเดือนตุลาคมในกลุ่มน้ำมันขั้นต้น ซึ่ง PTT มีจุดเด่นในเรื่องของการกระจายความเสี่ยงธุรกิจทำให้ผลประกอบการผันผวนน้อยกว่าคงคำแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย SOTP ใหม่ 321 บาท จากราคาเดิมที่ 330 บาท

ขณะเดียวกัน ยังคงมีรายการพิเศษที่กดดันผลประกอบการในไตรมาส 3 ซึ่งทำให้ผลประกอบการของ PTT ขาดทุนสุทธิ 25,454 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 24,558 และ 23,746 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 และไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 ตามลำดับ ซึ่งทำให้กดดันจากรายการพิเศษ ได้แก่ ขาดทุนด้อยค่าของ PTTEP ถึง 49,893 ล้านบาท และรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราผันผวนทำให้ PTTEP รายงานขาดทุนสุทธิ 46,893 ล้านบาท คาดมีส่วนแบ่งขาดทุนกำไรจากบริษัทร่วมที่จดทะเบียนในตลาดฯ 68 ล้านบาท ลดจากกำไรประมาณ 9,000 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 / 58 นอกจากนั้นยังมีผลขาดทุนจาก Foreign Exchange หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) อีก 5,988 ล้านบาท จาก -3,289 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/58

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มองว่า ยังมีโอกาสที่จะมองเห็นทิศทางขาลงจากสถานการณ์พลังงานในตลาดโลกต่อคาดการณ์ที่เกิดขึ้นโดยหากมีการพิจารณาตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ที่บริษัทฯ ยังไม่รวมไว้ในประมาณการดังกล่าวข้างต้น

นอกจากนี้ สิ่งที่ส่งทำให้ผลประกอบการมีแนวโน้มที่จะขาดทุนนั้นมาจากธุรกิจหลักอ่อนตัว ซึ่งผลประกอบการของธุรกิจหลักมีแนวโน้มอ่อนตัวเช่นกัน ทั้งธุรกิจก๊าซฯ ที่ปริมาณขายก๊าซฯ ผ่านท่อลดลง 1.2% เทียบไตรมาสต่อไตรมาส เป็น 4,822 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ส่วนโรงแยกก๊าซฯ แม้จะมีปริมาณขายเพิ่มขึ้น 5.9% เทียบไตรมาสต่อไตรมาส แต่ราคาผลิตภัณฑ์อ้างอิง ได้แก่ PE/ PP ลดลง 10.3/15.5% ตามลำดับ เทียบไตรมาสต่อไตรมาส ขณะที่ต้นทุนก๊าซฯ ลดลงเพียง 1.9% เทียบระหว่างไตรมาสต่อไตรมาส อีกทั้งยังมีผลขาดทุน NGV เพิ่มขึ้น 13.3% ไตรมาสต่อไตรมาสเป็น 3,200 ล้านบาท จากต้นทุนที่สูงขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินบาท ธุรกิจน้ำมันปริมาณขายรวมลดลง 3.2% ไตรมาสต่อไตรมาส และมาร์จิ้นลดลง 26.0% เทียบไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้า นอกจากนั้นยังได้รับผลกระทบจากขาดทุนสต๊อกอีก 1,765 ล้านบาท จากติดลบ -119 ล้านบาทในไตรมาส 2/58 มีเพียงธุรกิจถ่านหินที่ได้ประโยชน์จากการลดต้นทุน

ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการสะท้อนรายการด้อยค่าทำให้อาจต้องปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2558-59 ลงไปอยู่ที่ 47.2% และ 1.1% เป็น 41,989 ล้านบาท และ 88,502 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจากการรวมผลขาดทุนด้อยค่าของ PTTEP ไว้ในประมาณการ รวมถึงการปรับประมาณการของ PTTGC ที่ทำไปก่อนหน้านี้ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาเป้าหมาย SOTP ลดลงเป็น 321 บาท (จาก 330 บาท) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนอาจต้องจับตาแนวโน้มการลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐ และความผันผวนของราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ผันผวน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากขาดทุนด้อยค่าสินทรัพย์ในธุรกิจประเภทอื่น ได้แก่ ธุรกิจปาล์มน้ำมัน ท่อก๊าซฯ ในอียิปต์ และธุรกิจถ่านหิน เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น