xs
xsm
sm
md
lg

“MBKET” ประเมิน “TTA” มีกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 แต่ยังคงต้องรอดูเศรษฐกิจโลกโดยรวม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง หรือ MBKET เปิดเผยบทวิเคราะห์ถึงแนวโน้มธุรกิจของ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA ที่คาดว่าแนวโน้มจะมีกำไรจากผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2558 ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตยังไม่สามารถคาดคะเนได้ จากนโยบายการลงทุนใหม่ที่ยังไม่ให้ภาพที่ชัดเจนต่อนักลงทุน ในเชิงกลยุทธ์จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุน และจับตาดูไปก่อน

อย่างไรก็ดี ในไตรมาสที่ 3 คาดว่า TTA จะมีกำไรสุทธิประมาณ 218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้า แต่หดตัว 33% เทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้สุทธิ 9 เดือนแรก TTA จะยังคงแสดงกำไรสุทธิที่ 65 ล้านบาท จากกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 100 ล้านบาท

ขณะที่ในส่วนของรายได้จากธุรกิจเรือเทกองที่มีรายได้ฟื้นตัวขึ้นประมาร 39% เทียบไตรมาสต่อไตรมาส จากการฟื้นตัวของค่าระวางเรือระหว่างไตรมาส และการกลับมาทำกำไรของเรือเช่าดำเนินการ (Chartered-in vessel) ทำให้เรือให้บริการรวมเพิ่มเป็น 37 ลำ จาก 34 ลำไตรมาสก่อน แต่ทว่าโดยรวมยังคงผลขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิเฉลี่ยประมาณ 516 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน แต่ทั้งนี้ยังคงดีกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลติดลบถึง -2,251 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน

ส่วนงานให้บริการด้านวิศวกรรมใต้น้ำยังคงทำงานได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยมีอัตราการใช้เรือวิศวกรรมใต้น้ำเพิ่มจาก 74% เป็น 80% งาน Cable laying ให้มาร์จิ้นดีต่อเนื่อง ซึ่งจะมีเพียง AOD ที่คาดว่าน่าจะเริ่มได้ผลกระทบจากการที่ลูกค้าขอปรับค่าบริการลง 10% หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดหดตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่ปลาย เมษายน 2558-มีนาคม 2559 ทำให้ส่วนแบ่งกำไรจะลดลงเล็กน้อย

ทางด้านในส่วนของธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภค และอุปโภค ของบริษัทลูก คือ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส หรือ UMS ยังคงมีผลประกอบการที่ขาดทุน และมีแนวโน้มที่จะยังคงอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณขายถ่านหินลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ทางผู้บริหารได้ให้ความเชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินธุรกิจจะดีขึ้นในไตรมาสถัดไปหลังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก TTA แล้ว

ส่วน บมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ PMTA ยังคงทำกำไรได้ดี แต่ไม่สามารถทำรายได้สูงกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากตลาดส่งออกได้รับผลกระทบจากประเทศคู่แข่งได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่า ทำให้การแข่งขันในตลาดส่งออกทำได้ลำบากกว่าคาด ส่วนของบริษัทร่วมทุน คือ Sino Grandness คาดว่าผลประกอบการจะมีทิศทางที่ดีขึ้น สามารถทำกำไรได้ไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาท/ไตรมาส

ทั้งนี้ ยังไม่มีประเด็นบวกที่มีนัยสำคัญที่ควรจะเข้าไปลงทุนเพิ่มเนื่องจากทิศทางค่าระวางเรือเทกองยังคงอ่อนแอ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลก และจีนยังไม่เอื้ออำนวยนัก ขณะที่แผนการลงทุนใหม่ๆ ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งบอร์ดบริหารคาดว่าจะสามารถสรุปได้อย่างน้อย 1 ดีลในปีนี้ หรือต้นปีหน้า (ยังไม่เปิดเผย) ส่วนการลงทุนใน บมจ.ณุศาศิริ หรือ NUSA มองว่า เป็นการบริหารสภาพคล่องระยะสั้น โดยจุดที่บริษัทสนใจในตัว NUSA คือ แนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และแนวโน้มของการเติบโตของณุศาศิริ จากการขยายธุรกิจที่จะมีขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า TTA ยังคงรักษาสถานการณ์มีกำไรได้ และซื้อขายเพียง P/BV 0.58 เท่า และได้เรตติ้งซื้อราคาเหมาะสม 20.00 บาท/หุ้น อิง P/BV 1.1 เท่า จากทาง MBKET แต่ทิศทางหลักของบริษัทยังประเมินการฟื้นตัวต่อเนื่องได้ยาก เนื่องจากความอ่อนแอของค่าระวางเรือทั่วโลกที่ยังอ่อนแอ ขณะที่การลงทุนใหม่ที่มีขนาดอย่างมีนัยสำคัญยังไม่มีความชัดเจนนัก ในเชิงกลยุทธ์อาจเพียงแนะนำให้ชะลอการลงทุนและจับตาดูไปก่อน ขณะที่แนวโน้มปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลกระทบได้แก่ภาวะเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันดิบตกต่ำทำให้การรับมอบเรือขุดน้ำมันปีหน้ามีความเสี่ยง
กำลังโหลดความคิดเห็น