ASTV ผู้จัดการรายวัน - แรงขายหุ้น Big cap ทั้งพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร และสื่อสารฉุดดัชนีรวมดิ่งกว่า 5 จุด ขณะที่กลุ่ม Mid&Small Cap ทรงตัว นักวิเคราะห์คาดนักลงทุนเปลี่ยนกลุ่มเข้าลงทุน แนะถือเงินสด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 13 ตุลาคม 58 ปิดที่ 1,406.69 จุด ลดลง 5.80 จุด เปลี่ยนแปลง -0.41% มูลค่าการซื้อขาย 47,394.84 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,410.15 จุดและต่ำสุดที่ 1,399.52 จุด ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีวานนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับลง 1.3% ดึงดัชนีรวมปรับตัวลงราว 2.6 จุด ประกอบกับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ Sell on Fact รับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯที่ ผ่านคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. โดยปรับลดลงกว่า 0.85% ดึงดัชนีรวมลง 0.8 จุด
“มีการขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ชัดมากอย่างเช่น ธนาคาร และ สื่อสาร ปรับลดลง 0.4% ดึงดัชนีลงรวม 1.7 จุด ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และยังมีแรงขายหุ้นอสังหาฯ รับข่าวมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เบื้องต้นมองว่าหุ้นอสัหาฯ ถูกขายไปมากแล้ว แรงกดดันดัชนีฯ จึงอยู่ที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี วันนี้ (14 ต.ค.) คาดดัชนีฯ ยังมีโอกาสอ่อนตัวลงมาทดสอบ 1,400 จุดอีกครั้ง ทั้งนี้ยังคงเชื่อมั่นว่า 1,400 จุดน่าจะเอาอยู่ แต่ถ้าหากผิดไปจากที่คาด ดัชนีลงต่ำกว่า 1,400 จุด อาจต้องปิดต่ำถึง 1,396 จุด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นกลุ่ม Mid&Small Cap ส่วนใหญ่ยังประคองตัวไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นการสลับกลุ่มลงทุน ” นักวิเคราะห์ กล่าว
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (14 ต.ค.)ดัชนีมีแนวโน้มจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down พร้อมให้กรอบแกว่งไว้ที่ 1,390-1,420 จุด แนะช่วงนี้ให้เน้นขายทำกำไร ถือเงินสดรอรับหุ้นรายตัวที่แนวรับจิตวิทยา เน้นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ หุ้นที่ราคาถูกให้ผลตอบแทนดี
ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่า ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/58 นำโดยแรงซื้อของกลุ่มกองทุนโดยเฉพาะกองทุน LTF ประกอบกับจะมีเม็ดเงินจากต่างชาติ (Fund Flow) กลับเข้ามา ลงทุนเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป ประกอบกับเศรษฐกิจ ไทยในไตรมาส 4/58 จะกลับมาฟื้นตัวจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนต่างๆ และการประมูล 4G
ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยยังคงกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,350-1,460 จุด ส่วนการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS Growth) ในปีนี้ยังมองว่าขยายตัว 13.7% ส่วนปีหน้าประเมินว่าขยายตัว 11% ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/58 ของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะกลับมาดีขึ้นและคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/59 หากภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้ามองไว้ที่ 1,550-1,600 จุด
สอดคล้องกับนางสาววราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. เคที ซีมิโก้ ระบุหุ้นในกลุ่มสื่อสารฯ ที่เป็นผู้ให้บริการโครงข่าย หรือ โอปอเรเตอร์ ทั้ง ADVANC หุ้น DTAC บาท และ TRUE จะได้ประโยชน์จากการประมูล 4G และน่าจะเป็น Upside ต่อราคาหุ้นได้ แต่มองว่า ADVANC น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะเป็นเพียงค่ายเดียวที่ยังไม่มี 4G โดยให้ราคาพื้นฐาน
นาย สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บล. เมย์แบงค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า อัพไซด์ของราคาเหมมะสมตามพื้นฐานที่ชัดเจนจะเกิดขึ้นหลังทราบผลการประมูลแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นต้องติดตามต่อว่าแต่ละรายจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตรงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากวิเคราะห์ ยกให้ ADVANC เป็น Top pick สำหรับการลงทุนระยะยาว รวมถึง SAMTEL ที่จะได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้าง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 13 ตุลาคม 58 ปิดที่ 1,406.69 จุด ลดลง 5.80 จุด เปลี่ยนแปลง -0.41% มูลค่าการซื้อขาย 47,394.84 ล้านบาท โดยระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,410.15 จุดและต่ำสุดที่ 1,399.52 จุด ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวดัชนีวานนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับลง 1.3% ดึงดัชนีรวมปรับตัวลงราว 2.6 จุด ประกอบกับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ Sell on Fact รับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯที่ ผ่านคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. โดยปรับลดลงกว่า 0.85% ดึงดัชนีรวมลง 0.8 จุด
“มีการขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ชัดมากอย่างเช่น ธนาคาร และ สื่อสาร ปรับลดลง 0.4% ดึงดัชนีลงรวม 1.7 จุด ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และยังมีแรงขายหุ้นอสังหาฯ รับข่าวมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เบื้องต้นมองว่าหุ้นอสัหาฯ ถูกขายไปมากแล้ว แรงกดดันดัชนีฯ จึงอยู่ที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี วันนี้ (14 ต.ค.) คาดดัชนีฯ ยังมีโอกาสอ่อนตัวลงมาทดสอบ 1,400 จุดอีกครั้ง ทั้งนี้ยังคงเชื่อมั่นว่า 1,400 จุดน่าจะเอาอยู่ แต่ถ้าหากผิดไปจากที่คาด ดัชนีลงต่ำกว่า 1,400 จุด อาจต้องปิดต่ำถึง 1,396 จุด แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นกลุ่ม Mid&Small Cap ส่วนใหญ่ยังประคองตัวไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นการสลับกลุ่มลงทุน ” นักวิเคราะห์ กล่าว
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (14 ต.ค.)ดัชนีมีแนวโน้มจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down พร้อมให้กรอบแกว่งไว้ที่ 1,390-1,420 จุด แนะช่วงนี้ให้เน้นขายทำกำไร ถือเงินสดรอรับหุ้นรายตัวที่แนวรับจิตวิทยา เน้นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ หุ้นที่ราคาถูกให้ผลตอบแทนดี
ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่า ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/58 นำโดยแรงซื้อของกลุ่มกองทุนโดยเฉพาะกองทุน LTF ประกอบกับจะมีเม็ดเงินจากต่างชาติ (Fund Flow) กลับเข้ามา ลงทุนเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป ประกอบกับเศรษฐกิจ ไทยในไตรมาส 4/58 จะกลับมาฟื้นตัวจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนต่างๆ และการประมูล 4G
ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยยังคงกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,350-1,460 จุด ส่วนการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS Growth) ในปีนี้ยังมองว่าขยายตัว 13.7% ส่วนปีหน้าประเมินว่าขยายตัว 11% ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/58 ของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะกลับมาดีขึ้นและคาดว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/59 หากภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้ามองไว้ที่ 1,550-1,600 จุด
สอดคล้องกับนางสาววราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. เคที ซีมิโก้ ระบุหุ้นในกลุ่มสื่อสารฯ ที่เป็นผู้ให้บริการโครงข่าย หรือ โอปอเรเตอร์ ทั้ง ADVANC หุ้น DTAC บาท และ TRUE จะได้ประโยชน์จากการประมูล 4G และน่าจะเป็น Upside ต่อราคาหุ้นได้ แต่มองว่า ADVANC น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะเป็นเพียงค่ายเดียวที่ยังไม่มี 4G โดยให้ราคาพื้นฐาน
นาย สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บล. เมย์แบงค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า อัพไซด์ของราคาเหมมะสมตามพื้นฐานที่ชัดเจนจะเกิดขึ้นหลังทราบผลการประมูลแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นต้องติดตามต่อว่าแต่ละรายจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตรงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากวิเคราะห์ ยกให้ ADVANC เป็น Top pick สำหรับการลงทุนระยะยาว รวมถึง SAMTEL ที่จะได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้าง