ไทยฮั้วยืนยันคงแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังเคยตัดสินใจเลื่อนแผนขายหุ้นไอพีโอมาแล้วตั้งแต่ปี 55 คาดตัดสินใจเข้าตลาดได้อีกครั้งในปี 59 หลังประเมินแนวโน้มราคายางปีหน้าจะเริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60 บาท/ก.ก. หลังรัฐบาลออกมาตรการช่วยเกษตรทั่วถึงทุกพื้นที่
นายกรกฎ กิตติพล ผู้จัดการการตลาดต่างประเทศ บมจ. ไทยฮั้วยางพารา กล่าวยืนยันว่า บริษัทยังคงมีแผนที่จะเข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากที่ได้เลื่อนแผนดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากต้องรอติดตามภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงภาวะตลาดยางให้กลับมาอยู่ในระดับที่ดีอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยฮั้วอยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีการเจรจาอยู่ 3-4 ราย แม้กำหนดการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดจะยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนก็ตาม แต่ก็คาดว่าน่าจะตัดสินใจได้ในปี 2559
สำหรับความคาดหวังจากการเข้าระดมทุนโดยการขายหุ้นครั้งแรกให้กับประชาชนเป็นการทั่วไป (IPO) ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาทนั้นก็เพื่อที่จะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตเป็น 1 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 600,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจปลายน้ำเพื่อเพิ่มส่วนต่างในการทำกำไรของบริษัท โดยปัจจุบันไทยฮั้วได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการเพื่อผลิตยางรถยนต์จากประเทศจีนแล้ว และคาดว่าในปี 2559 บริษัทจะมีรายได้หลังการร่วมทุนเพิ่มเติมอีกราว 2-5% เมื่อเทียบจากรายได้รวมใน
ปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้จะแบ่งเป็นยางแท่ง 60% และอีก 40% มาจากยางแผ่น และน้ำยาง ด้านการคาดการแนวโน้มปริมาณยอดขายยางในปีนี้น่าจะยังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือ อยู่ที่ 428,000 ตัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และปริมาณยางที่ล้นตลาด ซึ่งบริษัทคาดว่าราคาเฉลี่ยในปี 2558 จะอยู่ที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม โดยปีหน้า บริษัทคาดว่าเบื้องต้นราคายางเฉลี่ยน่าจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนมาอยู่ที่ระดับ 60 บาทต่อกิโลกรัมได้ตามมาตรการสนับสนุนเกษตรกรในทุกพื้นที่จากภาครัฐ อีกทั้งเกษตรกรบางรายยังได้มีการเปลี่ยนอาชีพ หรือตัดต้นยางเดิมทิ้งโดยไม่ได้ปลูกใหม่มาทดแทน ซึ่งจะทำให้ปริมาณยางในตลาดลดลงจนช่วยให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นได้
สำหรับสินค้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) นั้น บริษัทคาดหมายว่าจะมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) โดยมีบริษัท แอ็กโกรว์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งจะเข้ามาเป็นโบรกเกอร์ให้บริการซื้อขายสินค้าดังกล่าว รวมถึงเข้ามาเป็นผู้กำหนดราคาตลาด (market maker) ด้วย โดยปริมาณการซื้อขายยาง RSS3 ในตลาด TFEX จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการมีสภาพคล่องที่มากขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ หน่วยงานที่ต้องเข้ามาช่วยกันผลักดัน โดยไทยฮั้วก็จะเปิดให้บริการสินค้าชนิดดังกล่าวนี้ด้วยเนื่องจากโบรกเกอร์จากฝั่ง AFET ได้เข้ามาอยู่ใน TFEX
นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโบรกเกอร์จากฝั่ง AFET เข้ามาเป็นสมาชิกในตลาด TFEX อีก 3 ราย ได้แก่ บริษัท แอ๊กโกรว์เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด บริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด และบริษัท อินฟินิตี้ เวลธ์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งรายหลังจะเป็นโบรกเกอร์แบบ Full Licence ที่ซื้อขายสินค้าในตลาด TFEX ได้ทั้งหมด โดยทั้ง 3 บริษัทจะเริ่มต้นให้บริการหลังจากยางแผ่นรมควันชั้น 3 เข้าซื้อขายในตลาด TFEX หลังกระบวนการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. ... ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนรอเสนอโปรดเกล้าฯ เพื่อลงนามในพระปรมาภิไธย
สำหรับรายละเอียดของสัญญายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะซื้อขายในตลาด TFEX 1 บัญชี สามารถซื้อขายได้ 10,000 สัญญา โดย 1 สัญญาจะมีขนาด 5 ตัน และในสัญญาเดือนใกล้มากที่สุดจะซื้อขายได้ไม่เกิน 1,000 สัญญาต่อบัญชี และนักลงทุนที่ต้องการส่งมอบสินค้าจริงจะต้องระบุก่อนการทำสัญญาซื้อขาย ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายทั่วไปนั้นจะเป็นลักษณะการเก็งกำไรโดยไม่มีส่งมอบของจริงเมื่อวันครบกำหนดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว
นายกรกฎ กิตติพล ผู้จัดการการตลาดต่างประเทศ บมจ. ไทยฮั้วยางพารา กล่าวยืนยันว่า บริษัทยังคงมีแผนที่จะเข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากที่ได้เลื่อนแผนดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากต้องรอติดตามภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงภาวะตลาดยางให้กลับมาอยู่ในระดับที่ดีอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไทยฮั้วอยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งมีการเจรจาอยู่ 3-4 ราย แม้กำหนดการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดจะยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนก็ตาม แต่ก็คาดว่าน่าจะตัดสินใจได้ในปี 2559
สำหรับความคาดหวังจากการเข้าระดมทุนโดยการขายหุ้นครั้งแรกให้กับประชาชนเป็นการทั่วไป (IPO) ในวงเงินไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาทนั้นก็เพื่อที่จะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตเป็น 1 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 600,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจปลายน้ำเพื่อเพิ่มส่วนต่างในการทำกำไรของบริษัท โดยปัจจุบันไทยฮั้วได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการเพื่อผลิตยางรถยนต์จากประเทศจีนแล้ว และคาดว่าในปี 2559 บริษัทจะมีรายได้หลังการร่วมทุนเพิ่มเติมอีกราว 2-5% เมื่อเทียบจากรายได้รวมใน
ปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้จะแบ่งเป็นยางแท่ง 60% และอีก 40% มาจากยางแผ่น และน้ำยาง ด้านการคาดการแนวโน้มปริมาณยอดขายยางในปีนี้น่าจะยังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คือ อยู่ที่ 428,000 ตัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และปริมาณยางที่ล้นตลาด ซึ่งบริษัทคาดว่าราคาเฉลี่ยในปี 2558 จะอยู่ที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม โดยปีหน้า บริษัทคาดว่าเบื้องต้นราคายางเฉลี่ยน่าจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนมาอยู่ที่ระดับ 60 บาทต่อกิโลกรัมได้ตามมาตรการสนับสนุนเกษตรกรในทุกพื้นที่จากภาครัฐ อีกทั้งเกษตรกรบางรายยังได้มีการเปลี่ยนอาชีพ หรือตัดต้นยางเดิมทิ้งโดยไม่ได้ปลูกใหม่มาทดแทน ซึ่งจะทำให้ปริมาณยางในตลาดลดลงจนช่วยให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นได้
สำหรับสินค้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) นั้น บริษัทคาดหมายว่าจะมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) โดยมีบริษัท แอ็กโกรว์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งจะเข้ามาเป็นโบรกเกอร์ให้บริการซื้อขายสินค้าดังกล่าว รวมถึงเข้ามาเป็นผู้กำหนดราคาตลาด (market maker) ด้วย โดยปริมาณการซื้อขายยาง RSS3 ในตลาด TFEX จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการมีสภาพคล่องที่มากขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ หน่วยงานที่ต้องเข้ามาช่วยกันผลักดัน โดยไทยฮั้วก็จะเปิดให้บริการสินค้าชนิดดังกล่าวนี้ด้วยเนื่องจากโบรกเกอร์จากฝั่ง AFET ได้เข้ามาอยู่ใน TFEX
นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโบรกเกอร์จากฝั่ง AFET เข้ามาเป็นสมาชิกในตลาด TFEX อีก 3 ราย ได้แก่ บริษัท แอ๊กโกรว์เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด บริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด และบริษัท อินฟินิตี้ เวลธ์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งรายหลังจะเป็นโบรกเกอร์แบบ Full Licence ที่ซื้อขายสินค้าในตลาด TFEX ได้ทั้งหมด โดยทั้ง 3 บริษัทจะเริ่มต้นให้บริการหลังจากยางแผ่นรมควันชั้น 3 เข้าซื้อขายในตลาด TFEX หลังกระบวนการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. ... ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนรอเสนอโปรดเกล้าฯ เพื่อลงนามในพระปรมาภิไธย
สำหรับรายละเอียดของสัญญายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะซื้อขายในตลาด TFEX 1 บัญชี สามารถซื้อขายได้ 10,000 สัญญา โดย 1 สัญญาจะมีขนาด 5 ตัน และในสัญญาเดือนใกล้มากที่สุดจะซื้อขายได้ไม่เกิน 1,000 สัญญาต่อบัญชี และนักลงทุนที่ต้องการส่งมอบสินค้าจริงจะต้องระบุก่อนการทำสัญญาซื้อขาย ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายทั่วไปนั้นจะเป็นลักษณะการเก็งกำไรโดยไม่มีส่งมอบของจริงเมื่อวันครบกำหนดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว