ออมสิน เปิดลงชื่อเข้าร่วมแผนแก้หนี้สินครูถึงสิ้นเดือน พอใจยอดพุ่ง 33,354 ราย วงเงินรวม 4.9 หมื่นล้าน แต่หากครูที่เป็นหนี้ค้างชำระไม่ยื่นเรื่องตามมาตรการช่วยเหลือต้องดำเนินการตามกฎหมาย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากที่ธนาคารได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ว่า ช่วงแรกได้กำหนดระยะเวลาการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 จากนั้นได้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2558 ซึ่งตั้งแต่เริ่มเปิดรับลงทะเบียนจนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2558 มีครู และบุคลากรทางการศึกษาลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ จำนวน 33,354 ราย จำนวนเงิน 49,815 ล้านบาท
“การออกมาตรการดังกล่าวธนาคารมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือแม่พิมพ์ของชาติ ด้วยการแบ่งเบาปัญหาภาระการชำระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อที่ครู และบุคลากรทางการศึกษาจะได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการสอนหนังสือให้แก่เยาวชนชองชาติ” นายชาติชาย กล่าว
ทั้งนี้ ยังมีครู และบุคลากรทางการศึกษาอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้ยื่นขอเข้ามาตรการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา ซึ่งในเรื่องนี้ธนาคารออมสินได้หารือกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) แล้วว่า เมื่อธนาคารมีเจตนารมณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือ และได้เปิดโอกาสให้ครู และบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมีหนี้ค้างชำระได้เข้าร่วมมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน และได้ให้พอสมควรแล้ว หากครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีหนี้ค้างชำระ แต่ไม่ยื่นเรื่องขอเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ธนาคารจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
มาตรการช่วยเหลือที่ออกมา ธนาคารออมสินได้แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่อยู่ในขั้นวิกฤต ได้แก่ ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี หรือถูกบังคับคดี ขาดความสามารถในการชำระหนี้จากสาเหตุที่จำเป็น หรือเป็นลูกหนี้ที่มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน โดยธนาคารจะชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี หรือบังคับคดีไม่เกิน 3 ปี (มีระยะเวลาฟ้องคดีเหลือไม่น้อยน้อยกว่า 2 ปี) พักชำระดอกเบี้ยไม่เกิน 3 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้น เมื่อครบ 3 ปีให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป
กลุ่มที่ 2 กลุ่มลูกหนี้ใกล้วิกฤต ได้แก่ ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกัน (ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2558) ซึ่งธนาคารจะให้พักชำระดอกเบี้ยไม่เกินครึ่งหนึ่ง เป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้น และดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ หลังจากนั้นเมื่อครบ 2 ปี ให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 12 งวดติดต่อกัน สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามมาตรการของธนาคารออมสิน กลุ่มที่ 4 ลูกหนี้ปกติ คือลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ผิดนัดชำระ และสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ ธนาคารให้พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระดอกเบี้ย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากที่ธนาคารได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ว่า ช่วงแรกได้กำหนดระยะเวลาการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 จากนั้นได้ขยายระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2558 ซึ่งตั้งแต่เริ่มเปิดรับลงทะเบียนจนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2558 มีครู และบุคลากรทางการศึกษาลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ จำนวน 33,354 ราย จำนวนเงิน 49,815 ล้านบาท
“การออกมาตรการดังกล่าวธนาคารมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือแม่พิมพ์ของชาติ ด้วยการแบ่งเบาปัญหาภาระการชำระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อที่ครู และบุคลากรทางการศึกษาจะได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการสอนหนังสือให้แก่เยาวชนชองชาติ” นายชาติชาย กล่าว
ทั้งนี้ ยังมีครู และบุคลากรทางการศึกษาอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้ยื่นขอเข้ามาตรการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา ซึ่งในเรื่องนี้ธนาคารออมสินได้หารือกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) แล้วว่า เมื่อธนาคารมีเจตนารมณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือ และได้เปิดโอกาสให้ครู และบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมีหนี้ค้างชำระได้เข้าร่วมมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน และได้ให้พอสมควรแล้ว หากครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีหนี้ค้างชำระ แต่ไม่ยื่นเรื่องขอเข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ธนาคารจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
มาตรการช่วยเหลือที่ออกมา ธนาคารออมสินได้แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่อยู่ในขั้นวิกฤต ได้แก่ ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี หรือถูกบังคับคดี ขาดความสามารถในการชำระหนี้จากสาเหตุที่จำเป็น หรือเป็นลูกหนี้ที่มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน โดยธนาคารจะชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี หรือบังคับคดีไม่เกิน 3 ปี (มีระยะเวลาฟ้องคดีเหลือไม่น้อยน้อยกว่า 2 ปี) พักชำระดอกเบี้ยไม่เกิน 3 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้น เมื่อครบ 3 ปีให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป
กลุ่มที่ 2 กลุ่มลูกหนี้ใกล้วิกฤต ได้แก่ ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกัน (ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2558) ซึ่งธนาคารจะให้พักชำระดอกเบี้ยไม่เกินครึ่งหนึ่ง เป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้น และดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ หลังจากนั้นเมื่อครบ 2 ปี ให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 12 งวดติดต่อกัน สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามมาตรการของธนาคารออมสิน กลุ่มที่ 4 ลูกหนี้ปกติ คือลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ผิดนัดชำระ และสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ ธนาคารให้พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระดอกเบี้ย