ไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้บริหารของโรงพยาบาลลาดพร้าว ว่าที่หุ้นไอพีโอน้องใหม่ที่จะเข้าเทรดในตลาด SET สิ้นเดือนนี้ นอกจากพูดคุยเรื่องธุรกิจของโรงพยาบาลลาดพร้าวเองแล้ว ยังได้พูดคุยถึงธุรกิจโรงพยาบาลไทยในภาพรวมมาเล่าสู่กันฟังด้วย
ดร.อังกูร ฉันทนาวานิช ซีอีโอของ LPH เล่าให้ฟังว่า ประเทศไทยยังคงมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจสุขภาพในอาเซียนได้ไม่ยาก ด้วยความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร และโรงพยาบาลที่มีศักยภาพจำนวนมาก ที่สำคัญคือ ราคาค่ารักษาพยาบาลของไทยยังค่อนข้างถูกอยู่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่ฝีมือการรักษาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดึงดูดให้คนไข้จากประเทศเพื่อนบ้านบินมารักษา และตรวจสุขภาพที่ไทย
ผมเพิ่งรู้มาว่า ค่ารักษาพยาบาลระดับพรีเมียมในประเทศเพื่อนบ้านของไทยแพงกว่าบ้านเราพอสมควรทำให้คนไข้ที่มีเงินระดับหนึ่ง หรือชนชั้นกลางเลือกที่จะบินมาใช้บริการโรงพยาบาลที่ไทยเพราะค่าใช้จ่ายอาจจะใกล้เคียงกับรักษาที่บ้านเขา แต่ได้โบนัสคือ มาเที่ยวได้ด้วยนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจโรงพยาบาลของไทยที่จะมีรายได้จากคนไข้กลุ่มนี้เพิ่มเติม โดยไม่จำเป็นต้องไปเปิดสาขาถึงประเทศเขาก็ได้
ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ โรงพยาบาลลาดพร้าวจะมีกลุ่มคนไข้ประกันสังคมที่เป็นแรงงานต่างชาติซึ่งเข้ามาทำงานในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนในรายได้รวมค่อนข้างสูง จุดนี้ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ธุรกิจโรงพยาบาลของไทยจะสามารถสร้างรายได้จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจากการหลั่งไหลเข้ามาของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน (จริงๆ แล้วไม่ต้องเปิดเออีซีก็มีแรงงานทะลักเข้ามาอยู่แล้ว) จากเดิมที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ของไทยอย่างเช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ (BDMS) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มีรายได้จากคนไข้ต่างชาติในระดับสูงอยู่แล้ว แต่ต่อไปโรงพยาบาลขนาดกลางจะมีฐานรายได้จากคนไข้ที่เป็นกลุ่มแรงงาน และชนชั้นกลางจากประเทศเพื่อนบ้านของเราเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของโรงพยาบาลขนาดกลางที่จะขยายธุรกิจด้วยการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น
มุมมองส่วนตัวของผมในระยะยาวแล้ว หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลน่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตโดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะเป็นธีมการลงทุนที่สำคัญ ถ้าเราไปตรวจสอบคู่แข่งจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ เขามีจุดเด่นที่ธุรกิจการเงิน อสังหาริมทรัพย์ มาเลเซีย และอินโดนีเซียมีจุดเด่นที่ธุรกิจเกี่ยวข้องต่อสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนประเทศไทยจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อการบริการ และท่องเที่ยว รวมถึงโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน
มาดูหุ้นโรงพยาบาลที่เด่นๆ อย่าง BDMS และ BH ช่วงที่ผ่านมาอาจจะถูกเทขายทำกำไรไป แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก เมื่อมีการปรับพอร์ตย้ายเงินออกจากตลาดหุ้นไทยจึงจำเป็นต้องขายหุ้นกลุ่มนี้ด้วย หากดูกราฟราคาหุ้นในช่วงนี้จะเห็นว่าเริ่มมีการซื้อกลับเข้ามาแล้วพอสมควร
สรุปแล้ว หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในระยะยาวยังน่าลงทุนอยู่ครับ แต่ต้องเข้าใจว่าธรรมชาติของธุรกิจนี้อาจจะไม่หวือหวา แต่มีความมั่นคงสูงครับ
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง