ปลัดกระทรวงการคลัง เผยมุมมองเศรษฐกิจโลกปีหน้าฟื้นช่วยหนุนภาคส่งออกของไทยให้ฟื้นตัว จีดีพีโตเกิน 2.8% คาดเฟดลากยาวไม่ขึ้นดอกเบี้ย พร้อมเดินหน้าโครงการประชารัฐผลักดันเอกชนทำโครงการเพื่อสังคมช่วยผู้ไร้ที่อยู่อาศัย
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงเศรษฐกิจปีหน้าว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในปี 2559 และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากจะทำให้ภาคการส่งออกของไทยกลับมาขยายตัวจนสามารถกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจได้ ประกอบกับการลงทุนของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในหลายโครงการ รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นกว่าปี 2558 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 2.8
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีหน้า แต่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงต้นปีอย่างแน่นอน เพราะเศรษฐกิจยังคงมีความเปราะบาง ซึ่งหากปรับขึ้นอาจกระทบต่อการฟื้นตัวได้ ดังนั้น จึงไม่เป็นประเด็นที่น่ากังวลต่อเศรษฐกิจไทย
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ภาคเอกชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งผู้ประกอบการ และผู้มีรายได้น้อยที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการระบายสินค้า และการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่จำนวนมากได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง และกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยซึ่งอยู่ระหว่างหาแนวทาง โดยจะขยายผลจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พร้อมเตรียมหารือขอความร่วมจากภาคเอกชนให้การสนับสนุน
โดยมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นหน่วยงานหลักในการออกแบบแนวทางความร่วมมือระหว่างรัฐ และเอกชนดำเนินโครงการในลักษณะของประชารัฐ ซึ่งรัฐกับประชาชนร่วมกันดำเนินโครงการเพื่อสังคม โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน ให้กรมธนารักษ์ดำเนินการในส่วนของที่ราชพัสดุที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านที่อยู่อาศัย เพื่อให้เกิดประโยชน์ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างแท้จริง
สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ทางกระทรวงยังคงให้ความสำคัญเพื่อเพิ่มการจัดเก็บรายได้ให้แก่ภาครัฐ แต่จะมีการดำเนินการในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยจะปรับปรุงในทุกๆ ส่วน โดยจะเร่งผลักดันระบบ E-Payment เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ซึ่งหากดำเนินการได้จะทำให้การหลีกเลี่ยงภาษีทำได้ยากขึ้น และจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นจนไม่ต้องปรับอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวต
ส่วนการจัดเก็บรายได้ของรัฐในปี 2558 ที่ผ่านมา ยอมรับว่าจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าเกิน 1 แสนล้านบาท จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่มั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ในปี 2559 จะเป็นไปตามเป้าที่ 2.39 ล้านล้านบาท เนื่องจากได้มีการกำชับทุกหน่วยงานให้ดำเนินการอย่างเต็มที่