“ปลัดคลัง” เข้าทำงานวันแรก เผยนโยบายหลักเน้นวินัยทางการคลัง และบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกกรมในกระทรวง เพื่อเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ โดยมาตรการในระยะต่อไปจะเน้นด้านอสังหาฯ และการลงทุนโครงการขนาดใหญ่
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยระบุว่า ได้เน้นนโยบายการสร้างวินัยทางการคลัง บูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกกรมในกระทรวงเพื่อเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากนี้ เมื่อรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เเละผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (SMEs) แล้ว จะเร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัยพ์ ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย การเน้นการลงทุนในโครงการขนาดกลางเเละขนาดใหญ่ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน หลังจากที่ประเทศไม่สามารถพึ่งพาภาคการส่งออกได้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว หลังจากภาพรวมส่งออกติดลบร้อยละ 4-5
สำหรับนโยบายในระยะยาวคือ การปฏิรูปโครงสร้างภาษี ทางกรมสรรพากรได้ศึกษาข้อมูลไว้ก่อนหน้าเเล้ว เเต่ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง การเข้าไปดูเเลภาระการคลังที่เกี่ยวข้องต่อผู้สูงอายุ ปัญหาสิ่งเเวดล้อม เเละนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนในอนาคต
ด้าน นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวระหว่างการเข้ารับตำแหน่งในวันแรกหลังมอบนโยบายแก่ผู้บริหารศุลกากร โดยระบุว่า ตนเองได้เตรียมแผนดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการกำหนดแผนสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกษตร กลุ่มเอสเอ็มอี แบบคลัสเตอร์ เพื่ออำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนการส่งออก สำหรับสินค้าเกษตร เอสเอ็มอี รวมถึงการปรับพิกัดอัตราภาษีศุลกากรให้มีมาตรฐาน โดยสินค้าชนิดเดียวกันต้องมีราคาเดียวกันทั่วประเทศในทุกด่านศุลกากร ปรับให้ชัดเจนมากชึ้น เพราะสินค้าบางชนิดเป็นแก้วคริสตัล ต้องปรับเพิ่ม หากเป็นแก้วธรรมดาต้องแตกต่างกันกับแก้วเบญจรงค์ เพื่อไม่ต้องตีความเพราะมีความแตกต่างกัน
ตลอดจนการผลักดันระบบ (NSW) การให้บริการระบบรวมศูนย์ ณ จุดเดียว ด้วยการเชื่อมโยงส่วนราชการในการออกใบอนุญาตให้มารวมในจุดเดียวกันตามด่านศุลกากร เพื่อให้รองรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการดำเนินนโยบาย E-Payment และการปรับด่านศุลกากรต้นแบบในด่านที่สำคัญให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับต่างประเทศ เพื่อนำระบบ One stop service มาใช้บริการนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ
สำหรับการผลจัดเก็บภาษีศุลกากรสิ้นปีงบประมาณ 58 สิ้นเดือนกันยายน ยอดรวม 116,800 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 7,000 ล้านบาท นับว่าดีกว่าคาด เพราะหลังจากรัฐบาลให้สิทธิลดภาษีนำเข้า 1,500 รายการ จะทำให้รายได้ภาษีลดลงอีก 4,500 ล้านบาท หรือลดลงรวมทั้งหมด 12,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงพร้อมเดินหน้าจัดเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมายในปี 59 วงเงิน 120,000 ล้านบาท ตามเป้าหมาย หลังจากรัฐบาลได้มีนโยบายผลักดันการส่งออกผ่านคลัสเตอร์อุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย