MGR Online - ดีเอสไอประสานกรมศุลกากร ตรวจสอบบริษัทนำเข้ารถหรูต่างประเทศ หลังอังกฤษ หรือ NaVCIS ขอความร่วมมือมีรถถูกโจรกรรม 10 คัน เข้าไทย พบแล้ว 7 คัน ในโชว์รูมย่านสุขุมวิท - ห้วยขวาง ถูกซื้อไปแล้ว 2 คัน อยู่ในโซนปลอดภาษี 1 คัน ไล่เช็กย้อนหลัง 5 ปี รวบ 1 ราย เรียกเงินเคลียร์อายัดรถ
วันนี้ (26 พ.ค.) เวลา 13.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร นายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร นายวรวุฒิ วิบูลย์ศิริชัย ผอ.สำนักสืบสวนและปรามปราม กรมศุลกากร พ.ต.ท.กรวัชร์ ปายประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงิน การธนาคาร ดีเอสไอ แถลงข่าวความร่วมมือการปราบปรามการนำเข้ารถยนต์ที่ลักลอบและหลีกเลี่ยงการชำระภาษีศุลกากร
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ดีเอสไอ ดำเนินการขอหมายค้นต่อศาลอาญาเพื่อตรวจค้นสถานที่เป้าหมายต้องสงสัย 2 วัน คือ วันที่ 18 พ.ค. จำนวน 9 แห่ง อายัดรถ 122 คัน และ วันที่ 24 พ.ค. จำนวน 6 แห่ง อายัดรถยนต์ 38 คัน รวมทั้งสิ้น 160 คัน พร้อมตรวจยึดเอกสารสำคัญในการนำเข้ารถยนต์ ซึ่งเป็นรถยนต์หลายยี่ห้อ อาทิ ลัมบอร์กินี, โรลสรอยซ์, แมคคาเรน, โลตัส เป็นต้น หากเข้าข่ายกระทำผิดจะมีมูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานเอกสารที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบเอกสารที่ได้ทำการยึดมาจากบริษัท เพื่อพิสูจน์ทราบว่ามีการทำราคาต่ำเข้ามาในลักษณะใดหรือไม่ นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ต้องรอเอกสารราคาแท้จริงจากผู้ประกอบการพอสมควร เมื่อได้มาแล้วจะนำไปใช้ร่วมกับกรมศุลกากร พร้อมเตรียมประสานข้อมูลกันเพื่อป้องกันปราบปรามนำเข้ารถยนต์เลี่ยงภาษี และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง สำหรับผู้ครอบครองรถ อาจตกเป็นผู้เสียหายจะหาวิธีแก้ไขต่อไป
ด้าน นายกุลิศ เปิดเผยว่า หลังจากนี้ กรมศุลกากรจะส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมสอบสวนในคณะทำงานกับดีเอสไอ และเพื่อให้การตรวจสอบหลักฐานตาม ดีเอสไอ แจ้งมาก็จะดำเนินการในทันที ส่วนที่ผ่านมา กรมศุลกากร ถึงทำงานล่าช้า และไม่ตอบสนองกับ ดีเอสไอ นั้น เพราะเจ้าหน้าที่สองหน่วยงานทำงานคนละส่วนกัน กรมศุลกากร ทำตามขั้นตอน และไม่ทราบราคาที่แท้จริงของรถเลี่ยงภาษี อีกทั้ง กรมศุลกากรไม่สามารถตั้งราคาเองได้ ต้องขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการยื่นเอกสารราคามาแสดง นับจากนี้ กรมศุลกากร กับ ดีเอสไอ จะร่วมมือในการดำเนินการตรวจสอบขบวนการรถหรูเลี่ยงภาษี ส่วนเรื่องที่สื่อมวลชนถามว่า ขณะนี้ผู้บริหารระดับสูงของกรมศุลกากร ถูก ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบอยู่นั้น เรื่องดังกล่าวไม่ทราบ และยังไม่มีเอกสารจาก ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าของรถที่ถูกอายัดสามารถนำหลักฐานต่างๆ มาแสดงให้กรมศุลกากรตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมายว่าถูกต้องหรือไม่
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ดีเอสไอ ได้รับการประสานขอความร่วมมือจาก หน่วยต่อต้านการโจรกรรมรถยนต์ สหราชอาณาจักร หรือ NaVCIS (National Vihicle Crime Intelligence Sevice) ว่า ที่ประเทศอังกฤษมีรถถูกโจรกรรมทั้งหมด 42 คัน โดยถูกส่งมาที่ประเทศไทย 10 คัน และจากการตรวจอายัดรถหรูเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า 7 คัน อยู่ที่โชว์รูมรถยนต์ คือ 1. เอส ทีที ออโต้คาร์ เลขที่ 267/13 ถ.สุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. และ 2. เอสทีที ออโต้คาร์ เลขที่ 41 ถ.เทียมร่วมมิตร แขวง-เขตห้วยขวาง กทม. ส่วนอีก 2 คัน พบว่า อยู่ในครอบครองผู้ที่ซื้อไป กำลังตามตรวจสอบอยู่ และอีก 1 คัน อยู่ในฟรีโซน (Free Zone) เขตปลอดภาษีของกรมศุลกากร อย่างไรก็ตาม จะมีการตรวจสอบย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งพบมีประมาณ 1,000 คัน จากฐานข้อมูลเพื่อดูว่าเข้าข่ายเลี่ยงภาษีมากน้อยเพียงใด
“ทั้งนี้ อยากชี้แจงกรณีมีผู้แอบอ้างชื่อเจ้าหน้าที่ดีเสไอ เพื่อเคลียร์ในการจับกุมอายัดรถหรูที่ผ่านมา เรียกรับเงิน โดยดีเอสไอได้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ และเลขบัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้จำนวน 50,000 บาท และขณะนี้ได้จับกุมแล้วชื่อ นายอรรคพล ทรัพย์พูลปฐม และได้ส่งดำเนินคดีแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ เรียกรับผลประโยชน์ และฉ้อโกงผู้อื่น โดยการเรียกรับผมประโยชน์ ส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีไปแล้ว หากมีผู้ประกอบการ หรือประชาชนท่านใดถูกบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ให้แจ้งตำรวจท้องที่ หรือแจ้งดีเอสไอได้เลย ส่วนกรณีหากมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้อง จะดำเนินคดีทางวินัยและอาญาให้ถึงที่สุด ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ไล่ออกเจ้าหน้าที่กรณีแบบนี้หลายรายแล้ว” พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าว
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวตบท้ายว่า ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการนำเข้ารถหรู หากมีการนำเข้าและเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนี้ จะให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบเอกสารที่ยึดมาทั้งหมด และหลังจากนั้น พิจารณาเรียกผู้ประกอบการมาสอบปากคำตามขั้นตอนต่อไป