สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.) เพื่อขออนุญาตขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 25 ล้านหุ้น โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายสาขาเพิ่มจำนวน 3 สาขาและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ด้านที่ปรึกษาทางการเงินระบุการระดมทุนจะช่วยให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะมาถึงในปลายปี 2015
นายวัดดานา สุคะบันดิต รองประธานสภาบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ มหาชน ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการทางด้านวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้าน และอาคารแบบครบวงจรจัดซึ่งจำหน่ายภายใต้ศูนย์การแสดงสินค้าขนาดใหญ่และทันสมัย(Showroom) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “สุวันนี” ที่เป็นอันดับหนึ่งในสปป ลาว และยังจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์, ลิฟท์และบันไดเลื่อน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 บริษัทได้ยื่นคำขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็น
ครั้งแรก(IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.)จำนวน 25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2,000 กีบ(ประมาณ 8 บาท)
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 280 พันล้านกีบ(ประมาณ 1,120 ล้านบาท) มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2,000 กีบ และภาย
หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว (LSX) บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 330 พันล้านกีบ(ประมาณ 1,320 ล้านบาท) มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2,000 กีบ ส่วนการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชน(IPO) จะมีการกำหนดราคาเมื่อทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.)อนุมัติให้บริษัท สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ มหาชน เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนแล้ว
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาจำนวน 4 สาขา คือ สาขาโพนต้อง,สาขาสีไค, สาขาทุ่งขันคำ และสาขาท่งตูม โดยสินค้าจะแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มกระเบื้องและโครงสร้างหลัก 2.กลุ่มหลังคาและตกแต่งโครงสร้าง 3.กลุ่มสีและท่อ 4.กลุ่มไฟฟ้าและเครื่องมือช่าง 5.กลุ่มสุขภัณฑ์และห้องน้ำ 6.กลุ่มลิฟท์และบันไดเลื่อน 7.กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ทั้งนี้นอกจากบริษัทจะจำหน่ายสินค้าผ่านหน้าร้านแล้วยังจำหน่ายไปยังลูกค้า
ร้านค้าและลูกค้าโครงการอีกด้วย
“โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปลงทุนก่อสร้างสาขาจำนวน 3 สาขาคือ สาขาเส้นทาง 450 ปี (นครหลวงเวียงจันทน์) สาขาปากเซ และสาขาปากซัน และอีกส่วนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี 2015 ที่เชื่อว่าจะทำให้การลงทุนทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจในสปป
ลาว มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”นายวัดดานา กล่าว
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ผู้อำนวยการ บริษัท หลักทรัพย์เอพีเอ็มลาว จำกัด (APMLAO) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ มหาชน เปิดเผยว่า ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว(LSX) ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการทำให้ธุรกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวม
ไปถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจาอาเซียนที่กำลังจะมาถึงในปลายปี 2015
โดยบริษัทมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ดังนี้คือ 2557 รายได้รวม 311.28 ตื้อกีบ( 1,245.12 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 21.25 ตี้อกีบ( 85.03 ล้านบาท) ปี 2556 มีรายได้รวม 264.37 ตื้อกีบ(1,057 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 14.19 ตื้อกีบ (56.75 ล้านบาท) และปี 2555 รายได้รวม 230.45 ตื้อกีบ( 921.81 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 10.64 ตื้อกีบ (42.57 ล้านบาท)
“บริษัทมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างก้างกระโดด เพราะเมื่อเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ลาว จะทำให้บริษัทมีชื่อเสียงมากขึ้นเป็นที่ยอมรับในระดับมาตรฐานสากล และทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่งทำให้สามารถขยายสาขา เพิ่มผลิตภัณฑ์ เพิ่มกลุ่มลูกค้า และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายได้อีกมาก และเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุนได้อย่างเป็นที่น่าพอใจกับทุกฝ่าย”นายสมภพ กล่าว
นายวัดดานา สุคะบันดิต รองประธานสภาบริหารและผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ มหาชน ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการทางด้านวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งบ้าน และอาคารแบบครบวงจรจัดซึ่งจำหน่ายภายใต้ศูนย์การแสดงสินค้าขนาดใหญ่และทันสมัย(Showroom) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “สุวันนี” ที่เป็นอันดับหนึ่งในสปป ลาว และยังจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์, ลิฟท์และบันไดเลื่อน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 บริษัทได้ยื่นคำขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็น
ครั้งแรก(IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.)จำนวน 25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2,000 กีบ(ประมาณ 8 บาท)
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 280 พันล้านกีบ(ประมาณ 1,120 ล้านบาท) มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2,000 กีบ และภาย
หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว (LSX) บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 330 พันล้านกีบ(ประมาณ 1,320 ล้านบาท) มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 2,000 กีบ ส่วนการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชน(IPO) จะมีการกำหนดราคาเมื่อทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.)อนุมัติให้บริษัท สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ มหาชน เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนแล้ว
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาจำนวน 4 สาขา คือ สาขาโพนต้อง,สาขาสีไค, สาขาทุ่งขันคำ และสาขาท่งตูม โดยสินค้าจะแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มกระเบื้องและโครงสร้างหลัก 2.กลุ่มหลังคาและตกแต่งโครงสร้าง 3.กลุ่มสีและท่อ 4.กลุ่มไฟฟ้าและเครื่องมือช่าง 5.กลุ่มสุขภัณฑ์และห้องน้ำ 6.กลุ่มลิฟท์และบันไดเลื่อน 7.กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ทั้งนี้นอกจากบริษัทจะจำหน่ายสินค้าผ่านหน้าร้านแล้วยังจำหน่ายไปยังลูกค้า
ร้านค้าและลูกค้าโครงการอีกด้วย
“โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปลงทุนก่อสร้างสาขาจำนวน 3 สาขาคือ สาขาเส้นทาง 450 ปี (นครหลวงเวียงจันทน์) สาขาปากเซ และสาขาปากซัน และอีกส่วนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี 2015 ที่เชื่อว่าจะทำให้การลงทุนทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจในสปป
ลาว มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”นายวัดดานา กล่าว
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ผู้อำนวยการ บริษัท หลักทรัพย์เอพีเอ็มลาว จำกัด (APMLAO) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท สุวันนี โฮมเซ็นเตอร์ มหาชน เปิดเผยว่า ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์(สคคซ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว(LSX) ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการทำให้ธุรกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวม
ไปถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจาอาเซียนที่กำลังจะมาถึงในปลายปี 2015
โดยบริษัทมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ดังนี้คือ 2557 รายได้รวม 311.28 ตื้อกีบ( 1,245.12 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 21.25 ตี้อกีบ( 85.03 ล้านบาท) ปี 2556 มีรายได้รวม 264.37 ตื้อกีบ(1,057 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 14.19 ตื้อกีบ (56.75 ล้านบาท) และปี 2555 รายได้รวม 230.45 ตื้อกีบ( 921.81 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 10.64 ตื้อกีบ (42.57 ล้านบาท)
“บริษัทมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อย่างก้างกระโดด เพราะเมื่อเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ลาว จะทำให้บริษัทมีชื่อเสียงมากขึ้นเป็นที่ยอมรับในระดับมาตรฐานสากล และทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่งทำให้สามารถขยายสาขา เพิ่มผลิตภัณฑ์ เพิ่มกลุ่มลูกค้า และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายได้อีกมาก และเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนกลับคืนสู่ผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุนได้อย่างเป็นที่น่าพอใจกับทุกฝ่าย”นายสมภพ กล่าว