บอร์ดเหมราช เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกแม้เศรษฐกิจผันผวนชะลอตัวลง และยอดการขาย และโอนที่ดินที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี แต่กำไรยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ พร้อมเตรียมขอมติประชุมผู้ถือหุ้นควบรวมกับ WHA ปลายเดือนนี้
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน หรือ HEMRAJ กล่าวว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกบริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้กว่า 1,612.4 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไร 931 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 2 อีกประมาณ 1,069.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลประกอบการกำไรที่ปรับลดลงนั้นเมื่อเทียบกับครึ่งปี 2557 ส่วนหนึ่งมาจากยอดการโอนที่ดินที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 เนื่องจากมีการขายที่ดินที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากที่เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลง อีกทั้งการที่กลุ่มอุตสาหกรรมการส่งออกต้องประสบปัญหาการการเลื่อนส่งมอบสินค้า และผลจากการขาดทุนด้านพลังงาน และอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดว่าจะยังไม่รับรู้อีกกว่า 82.6 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในส่วนของรายได้จากการให้บริการด้านสาธารณูปโภค และรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงยังมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 59.6 เมื่อเทียบกับอัตรากำไรสุทธิของปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 53.3 ถึงแม้ว่าจะมีอัตรากำไรที่ลดลงก็ตาม
“ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2558 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้สภาพโดยรวมของเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงเวลาที่ชะลอตัวลง ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลงที่ร้อยละ 55 ขณะที่ในสวนของรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2557 และรายได้จากการให้บริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม (ไม่รวมพลังงาน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา”
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีแรก 2558 บริษัทขายที่ดินอุตสาหกรรมได้จำนวน 356 ไร่ จากจำนวน 13 สัญญา โดยในจำนวนนี้มีลูกค้าใหม่ จำนวน 10 สัญญา และจากการขยายลูกค้าเดิมอีก 3 ราย ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมยานยนต์ร้อยละ 62
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า โครงการไฟฟ้าอิสระ เกคโค่-วัน ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า 660 เมกะวัตต์ (IPP) โดยในครึ่งปีแรกสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้เพียงร้อยละ 73 เนื่องจากมีการปิดซ่อมแซมตามแผนงานในระยะแรก จำนวน 5 สัปดาห์ ในช่วงไตรมาสที่ 1 และปิดซ่อมบำรุงนอกเหนือจากแผนงานอีกเป็นจำนวน 6 วัน ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งทำให้มีรายได้ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม
นอกจากนี้ ในส่วนของการเข้ามาถือหุ้นของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 92.88 จากจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเข้าขอซื้อหุ้นร้อยละ 22.53 จากผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท จำนวน 2 ราย โดยทางบริษัทฯ เตรียมที่จะประชุมขอมติผู้ถือหุ้นในการเข้าควบรวมกิจการภายในปลายเดือนกันยายนนี้