xs
xsm
sm
md
lg

JMT เล็งซื้อหนี้เสียเพิ่มอีก 3 หมื่นล้าน คาดกำไรสุทธิทั้งปีโต 30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ตั้งเป้าซื้อหนี้เพิ่มปีนี้อีก 30,000 ล้านบาท หวัง ขยับพอร์ตรวมสิ้นปีปิดที่ 95,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิตลอดปีโต 30% ด้านผลดำเนินงานไตรมาส 2/58 กลุ่ม JMT สามารถทำรายได้รวมกัน 163.76 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 18.94 ล้านบาท

นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยถึงผลรวมธุรกิจบริหารหนี้ และการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 ของกิจการว่าจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันได้กดดันให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวขึ้นทั้งระบบ และถือเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถเลือกซื้อหนี้ในกลุ่มนี้สะสมเข้ามาได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง แม้ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าซึ่งมีฐานะยากจน และมีรายได้ต่ำที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การทวงหนี้จึงทำได้ยากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการตั้งสำรองหนี้ลูกค้ากลุ่มในดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อสภาพเศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติ IMJ จะสามารถรับรู้รายได้ในกลุ่มนี้ได้

สำหรับภาพรวมหนี้เสียในระบบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยในปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่ JMT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย NPL ในระบบจะอยู่ที่ราว 4.7 หมื่นล้านบาท และในปัจจุบัน NPL ได้เติบโตขึ้นมาอยู่ที่เกือบ 100,000 ล้านบาท โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT ระบุว่า พวกเขาได้ตั้งเป้าหมายในปีนี้จะซื้อหนี้เสียเพิ่มเติมอีก 30,000 ล้านบาท เพื่อที่จะทำให้พอร์ตบริหารหนี้เสียเมื่อถึงสิ้นปี 2558 ขยับมาอยู่ที่ 95,000 ล้านบาทจากพอร์ตบริหารหนี้เมื่อสิ้นปี 2557 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 65,000 ล้านบาท โดยในครึ่งแรกของปี 2558 JMT มีพอร์ตหนี้เสียสะสมแล้วอยู่ประมาณ 77,000 ล้านบาท และตามแผนการซื้อหนี้เพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ เขาคาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตขึ้นราว 30% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่กำไรสุทธิปิดที่ 120.61 ล้านบาท

กรรมการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT ยังกล่าวถึงผลดำเนินงานรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาส 2/2558 ว่า โดยรวมบริษัทจะมีรายได้ 163.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.06% เมื่อเทียบกับช่วยเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิรวมจะอยู่ที่ 18.94 ล้านบาท ลดลง 29.33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ในรอบ 6 เดือนแรกของปี บริษัทฯ ทำรายได้รวมกันไปแล้วที่ 330.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 6 เดือนแรกอยู่ที่ 55.83 ล้านบาท

นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวถึงบริษัท JMT PLUS ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ให้บริการสินเชื่อ 4 กลุ่มหลัก คือ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อนาโน ไฟแนนซ์ และสินเชื่อเช่าซื้อว่าหลังจากได้อนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อทำสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์แล้ว บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนเริ่มแรกในธุรกิจนี้ราว 20 ล้านบาท ส่วนความชัดเจนของธุรกิจนั้นจะเกิดขึ้นได้ในปี 2559

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้เคยมีมติอนุมัติให้ JMT PLUS เข้าร่วมทุนในบริษัทที่จะจดทะเบียนจัดตั้งเพื่อประกอบธุรกิจบริการให้สินเชื่อรายย่อยในประเทศพม่า (Microfinance) ภายใต้ชื่อ JP Finance Co.,Ltd โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 20 ล้านบาท และ JMT จะเข้าถือหุ้นในบริษัทฯ เป็นจำนวน 1,400,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 7% ของทุนจดทะเบียนของ JP Finance Co.,Ltd ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติออกใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อได้ในไตรมาส 1/2559


กำลังโหลดความคิดเห็น