เมืองไทย ลิสซิ่ง เปิดเกมรุกในช่วงครึ่งปีหลัง เดินหน้าปล่อยกู้สิงห์นักบิด นาโนไฟแนนซ์ มั่นใจยอดปล่อยสินเชื่อทะลุ 1.65 หมื่นล้านบาท ด้านผู้บริหาร “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” พร้อมเปิดฉากปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ หลังแบงก์ชาติ คลังไฟเขียว ตั้งเป้าเดือนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท คิดดอกถูกแค่ 29.50% หวังช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่คนในระดับรากหญ้า แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ สบช่องดอกเบี้ยขาลง! ตุนเงินทุนเอาไว้ด้วยการออกตั๋วบี/อี 700 ล้านบาท เสียงตอบรับจากนักลงทุนสถาบันท่วมท้น ต้นทุนเฉลี่ยแค่ 3.80% หนุนมาร์จิ้นขยับ ผลักดันรายได้ และกำไรในช่วงครึ่งปีหลังพุ่งกระฉูด
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทพร้อมเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่ม รองรับแผนการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 16,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับยอดปล่อยสินเชื่อในปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้ และกำไรปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังไม่นับรวมกับสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ที่บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ได้อนุมัติให้บริษัทสามารถดำเนินการได้แล้ว และบริษัทพร้อมปล่อยสินเชื่อได้ทันที เนื่องจากมีฐานลูกค้า 6-7 แสนราย ไว้รองรับแผนการขยายสินเชื่อ
“เราพร้อมปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ได้ทันทีในช่วงครึ่งปีหลัง โดยตั้งเป้าปล่อยกู้เฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านบาท ส่วนอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมที่เราคิดกับลูกค้าอยู่ที่ 29.50% เท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับเพดานดอกเบี้ยที่ ธปท. และกระทรวงการคลัง กำหนดไว้ที่ 36% เพราะเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่คนในระดับรากหญ้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยมหาโหด อีกทั้งยังทำให้ลูกค้าได้รู้จักเมืองไทย ลิสซิ่งมากขึ้น นอกเหนือจากการเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์เบอร์หนึ่งของเมืองไทย” นายชูชาติ กล่าว
นายชูชาติ กล่าวว่า ตั้งแต่ MTLS เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทได้พยายามลดต้นทุนด้านการเงินมาโดยตลอด โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เริ่มออกตั๋วแลกเงิน (B/E) วงเงินกู้ระยะสั้น เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันแบบไม่มี Rating จำนวน 700 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากตลาดอย่างดีเยี่ยม โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.80% ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าทั้งปีต้นทุนทางการเงินจะไม่เกิน 4% ลดลงอย่างมากจากปี 2556 ที่ 5.98% และการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งติดต่อกัน ส่งผลให้ดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ลดลงเหลือ 1.50% ทำให้ต้นทุนทางการเงินของ MTLS ปรับตัวลดลงตาม และทำให้มาร์จิ้นเพิ่มมากขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 181.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดปล่อยสินเชื่อรวม 3,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.43% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นเป็น 8.67% ของไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และในช่วงไตรมาส 1/58 บริษัทได้เปิดสาขาใหม่เพิ่ม 180 สาขา ซึ่งกระแสตอบรับจากลูกค้าดีมาก
ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2558-2560) ภายใต้ยุทธศาสตร์ขยายตัวทั่วไทย บริษัทเตรียมเปิดสาขาเพิ่มปีละ 300 สาขา ซึ่งจะทำให้มีสาขากระจายทั่วประเทศกว่า 1,400 แห่ง จากเดิมตั้งเป้าเปิดสาขา 1,000 แห่ง ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการสินเชื่อของลูกค้าในระดับรากหญ้าได้อย่างครอบคลุม ทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ และกำไรในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือเพิ่มขึ้นสูงถึง 100% ตามแผนที่วางไว้ได้แน่นอน
นอกจากนี้ MTLS ยังได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap Indexes ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยดัชนี MSCI หรือ MSCI Indexes เป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันนำมาใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายในกลุ่มผู้ลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้จัดการกองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้จัดการกองทุนที่มาลงทุนในไทยก็ใช้ดัชนี MSCI มาใช้ประเมินประสิทธิภาพการลงทุนเช่นกัน