ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป เตรียมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งภายในเดือนกันยายนนี้ หลังบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น จากปัจจัยทีม ครม.เศรษฐกิจชุดใหม่เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ปลุกกำลังซื้อประชาชนผู้มีรายได้น้อย แถมเป็น จังหวะที่ดีราคาเนื้อไก่ และเนื้อหมูอยู่ในช่วงขาขึ้น
นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารครบวงจรที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตไก่ และสุกร ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ตัดสินใจเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งภายในเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากมองว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้เริ่มดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินไปช่วยเหลือกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้เพื่อปลุกกำลังซื้อ ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคให้กลับคืนมาได้
นอกจากนี้ ช่วงจังหวะเวลาดังกล่าวยังเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯ ที่สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 ที่คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยของราคาเนื้อไก่ และเนื้อหมูที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เมื่อเทียบกับสถานการณ์ราคาในไตรมาส 1/2558 ซึ่งบ่งชี้ว่า ราคาเนื้อไก่ และเนื้อหมูได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และอยู่ในช่วงราคาขาขึ้นรอบใหม่ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน จากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงยังส่งผลดีต่อขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดส่งออกเนื้อไก่สดไปยังตลาดอียู และญี่ปุ่น หลังจากบริษัทฯ ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่เน้นการส่งออกให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้จากการส่งออกเข้ามาช่วยเสริมผลการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายตลาดผลิตภัณฑ์แปรรูปภายใต้ตราสินค้า ‘ไทยอร่อย’ ควบคู่กันไปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
“เรามองว่าบรรยากาศการลงทุนในช่วงเดือนกันยายนจะกลับเข้ามาดีขึ้น ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง และเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่แนวโน้มของราคาเนื้อไก่ และเนื้อหมูอยู่ในทิศทางขาขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ต่อจากนี้ไป จึงมั่นใจว่า หุ้น IPO ที่ออกจำหน่ายในครั้งนี้ จำนวน 1,400 ล้านหุ้น จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน” นายวินัย กล่าว