สศค.เผยเศรษฐกิจเดือน ก.ค.ยังมีสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า และในเดือน ส.ค. ขยายตัวอย่างเปราะบาง คาดรัฐบาลอัดฉีดเงินช่วยผู้มีรายได้น้อยหวังช่วยเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่ม 2 เท่า และขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จึงต้องรอลุ้นมาตรการช่วยเหลือรายย่อยเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาที่ 1 ก.ย.นี้จะมีเม็ดเงินออกสู่ระบบเท่าใด
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างเปราะบางในเดือนสิงหาคม โดยยังมีการใช้จ่ายภาครัฐ และการท่องเที่ยวเป็นแรงสนับสนุน เมื่อราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กำลังซื้อลดลง รัฐบาลจึงเลือกแนวทางเพิ่มกำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อยผ่านกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำในการประกอบอาชีพ และมองว่าผู้มีรายได้น้อยจะเป็นกลุ่มใช้เงินเพื่อการบริโภคง่าย คาดว่าจะเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 2 เท่าของเงินที่อัดฉีดออกไป และขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จึงต้องรอลุ้นมาตรการช่วยเหลือรายย่อยเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาที่ 1 กันยายนนี้ว่า จะมีเม็ดเงินออกสู่ระบบเท่าใด
สำหรับตัวเลขการส่งออกรวม 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.58) หดตัวร้อยละ 4.7 โดยทั้งปี สศค.ยังคาดว่าการส่งออกจะติดลบร้อยละ 4 โดยการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) ยังพอช่วยประคองตัวเลขเท่านั้น และเมื่อรัฐบาลอัดฉีดเงินช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย คาดว่ายังพอดึงให้เศรษฐกิจของประเทศทั้งปีขยายตัวได้ร้อยละ 3 ตามเป้าหมายเดิม เนื่องจากการท่องเที่ยวยังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี เพราะเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ คาดว่ากระทบยอดนักท่องเที่ยวหายไปประมาณ 300,000 คน และกระทบจีดีพีเพียงร้อยละ 0.05 จึงยังคงเป้าหมายนักท่องเที่ยวทั้งปี 29.9 ล้านคน
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม ยังมีสัญญาณชะลอตัวจากเดือนมิถุนายน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหดตัวร้อยละ 1.7 โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม บนฐานการนำเข้าหดตัวถึงร้อยละ 11.1 การลงทุนภาคเอกชน เช่น หมวดก่อสร้างชะลอลงร้อยละ 2.0 ต่อปี โดยมีปัจจัยบวกเพียงการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเดือนกรกฎาคม เบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 221,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 แบ่งเป็นงบประมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 งบลงทุนเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 โดยในเฟส 2 รัฐบาลเตรียมออกมาตรการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพื่อขยายการลงทุนเพิ่ม