ค่าย “อีซูซุ” มองปัจจัยลบรอบด้าน กระหน่ำเศรษฐกิจ-ตลาดรถไทย เตือนปัญหาหนี้สินครัวเรือนพุ่งสูงกระทบหนัก ความหวังสุดท้ายต้องพึ่งรัฐบาล ช่วยเร่งการใช้จ่ายครึ่งปีหลังกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในปีหน้า ระบุการอัดแคมเปญไม่สามารถช่วยได้มาก มุ่งรักษาฐานลูกค้าเก่าและใช้บริษัทสินเชื่อในเครือสนับสนุน
นางปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า แม้ทุกค่ายทำกิจกรรมเต็มที่ในการผลักดันยอดขายรวม แต่ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ไม่น่าจะเกิน 8 แสนคัน ซึ่งชะลอตัวลงต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 8.8 แสนคัน เป็นผลมาจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ ขณะที่ปัจจัยบวกมีเพียงเรื่องราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ขยับตัวดีขึ้นเท่านั้น
“เศรษฐกิจโลกชะลอตัวกระทบต่อการส่งออก และส่งผลต่อประเทศไทยมาก เพราะเราพึ่งพาการส่งออกเยอะ เป็นสัดส่วนที่มีน้ำหนักมากในจีดีพีของประเทศ และปัจจัยอีกอย่างที่ไม่สามารถมองข้าม คือเรื่องภาระหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงมาก โดยประมาณ 80% ของจีดีพีเป็นหนี้สิน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้เงิน ไม่อยากใช้เงินในช่วงนี้ อันนี้มีผลต่อทางจิตวิทยามาก ประกอบกับราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมด”
สำหรับปัจจัยบวกที่สำคัญในสภาวะเช่นนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี แต่อย่างที่ทราบกันที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามเป้า และขณะนี้รัฐบาลกำลังพยายามเบิกจ่ายรัฐบาลให้มากขึ้น ในการสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ ถ้าทำได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นได้ ดังนั้นขึ้นอยู่กับเมกกะโปรเจคต่างๆ ของภาครัฐ ถ้าเดินหน้าได้ตามที่รัฐบาลวางไว้ปีหน้าก็น่าจะดีขึ้น
“ภาคเอกชนหวังการใช้จ่ายภาครัฐเป็นตัวกระตุ้น เพราะอย่างอื่นไม่สามารถควบคุมได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลก หรือราคาพืชผลการเกษตร ประกอบปัญหาการเมืองคลี่คลาย ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจมาเที่ยวมากขึ้น อันนี้เป็นปัจจัยบวกเหมือนกัน หากดำเนินการได้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว และตลาดรถยนต์จะกระเตื้องขึ้น”
นางปนัดดาเปิดเผยว่า ส่วนการปรับตัวในสภาวะเศรษฐกิจและตลาดเป็นเช่นนี้ แนวทางการกระตุ้นตลาดด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือแคมเปญไม่น่าจะได้ผลมาก โดยในส่วนของอีซูซุจะพยายามรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ อีซูซุมีฐานลูกค้าในไทยใหญ่ มากขายรถไปแล้วหลายล้านคัน แต่ในส่วนของลูกค้าใหม่ๆ ก็จะขยายฐานลูกค้าให้ได้มากขึ้น โดยแนวทางการทำตลาดของอีซูซุจะจัดทำกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม เลือกที่จะจัดแยกเป็นลูกค้ากลุ่มรถรุ่นมิวเอ็กซ์ กลุ่มปิกอัพ และรถบรรทุกใหญ่ เพราะจะมีวิธีดำเนินกิจกรรมไม่เหมือนกัน ประกอบกับลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์อีซูซุสูง ทำให้ลูกค้ายังมาจองและขายได้อยู่
“ปัญหาไฟแนนท์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยลบ เพราะช่วงนี้หนี้เสียหรือเอ็นพีแอลจะสูง ทำให้การพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ การให้สินเชื่อเข้มงวดขึ้น ดังนั้นจึงต้องให้บริษัทเช่าซื้อในเครือ ตรีเพชรอีซูซุ ลิสซิ่ง รวมถึงบริษัทประกัน ตรีเพชร อินชัวรันส์ เซอร์วิส มาช่วยสนับสนุนการซื้อรถของลูกค้า โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อผ่านลิสซิ่งของอีซูซุมากถึง 40% จากเดิม 30% ซึ่งจากแนวทางการทำตลาดทั้งหมด แม้ตลาดจะตกลงจากปีที่ผ่านมา แต่อีซูซุเชื่อว่าจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ที่ระดับ 18%”นางปนัดดากล่าว
นางปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า แม้ทุกค่ายทำกิจกรรมเต็มที่ในการผลักดันยอดขายรวม แต่ตลาดรถยนต์ไทยปีนี้ไม่น่าจะเกิน 8 แสนคัน ซึ่งชะลอตัวลงต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 8.8 แสนคัน เป็นผลมาจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ ขณะที่ปัจจัยบวกมีเพียงเรื่องราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ขยับตัวดีขึ้นเท่านั้น
“เศรษฐกิจโลกชะลอตัวกระทบต่อการส่งออก และส่งผลต่อประเทศไทยมาก เพราะเราพึ่งพาการส่งออกเยอะ เป็นสัดส่วนที่มีน้ำหนักมากในจีดีพีของประเทศ และปัจจัยอีกอย่างที่ไม่สามารถมองข้าม คือเรื่องภาระหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงมาก โดยประมาณ 80% ของจีดีพีเป็นหนี้สิน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้เงิน ไม่อยากใช้เงินในช่วงนี้ อันนี้มีผลต่อทางจิตวิทยามาก ประกอบกับราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมด”
สำหรับปัจจัยบวกที่สำคัญในสภาวะเช่นนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี แต่อย่างที่ทราบกันที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามเป้า และขณะนี้รัฐบาลกำลังพยายามเบิกจ่ายรัฐบาลให้มากขึ้น ในการสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ ถ้าทำได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นได้ ดังนั้นขึ้นอยู่กับเมกกะโปรเจคต่างๆ ของภาครัฐ ถ้าเดินหน้าได้ตามที่รัฐบาลวางไว้ปีหน้าก็น่าจะดีขึ้น
“ภาคเอกชนหวังการใช้จ่ายภาครัฐเป็นตัวกระตุ้น เพราะอย่างอื่นไม่สามารถควบคุมได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลก หรือราคาพืชผลการเกษตร ประกอบปัญหาการเมืองคลี่คลาย ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจมาเที่ยวมากขึ้น อันนี้เป็นปัจจัยบวกเหมือนกัน หากดำเนินการได้เศรษฐกิจจะฟื้นตัว และตลาดรถยนต์จะกระเตื้องขึ้น”
นางปนัดดาเปิดเผยว่า ส่วนการปรับตัวในสภาวะเศรษฐกิจและตลาดเป็นเช่นนี้ แนวทางการกระตุ้นตลาดด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือแคมเปญไม่น่าจะได้ผลมาก โดยในส่วนของอีซูซุจะพยายามรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ อีซูซุมีฐานลูกค้าในไทยใหญ่ มากขายรถไปแล้วหลายล้านคัน แต่ในส่วนของลูกค้าใหม่ๆ ก็จะขยายฐานลูกค้าให้ได้มากขึ้น โดยแนวทางการทำตลาดของอีซูซุจะจัดทำกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม เลือกที่จะจัดแยกเป็นลูกค้ากลุ่มรถรุ่นมิวเอ็กซ์ กลุ่มปิกอัพ และรถบรรทุกใหญ่ เพราะจะมีวิธีดำเนินกิจกรรมไม่เหมือนกัน ประกอบกับลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์อีซูซุสูง ทำให้ลูกค้ายังมาจองและขายได้อยู่
“ปัญหาไฟแนนท์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยลบ เพราะช่วงนี้หนี้เสียหรือเอ็นพีแอลจะสูง ทำให้การพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ การให้สินเชื่อเข้มงวดขึ้น ดังนั้นจึงต้องให้บริษัทเช่าซื้อในเครือ ตรีเพชรอีซูซุ ลิสซิ่ง รวมถึงบริษัทประกัน ตรีเพชร อินชัวรันส์ เซอร์วิส มาช่วยสนับสนุนการซื้อรถของลูกค้า โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อผ่านลิสซิ่งของอีซูซุมากถึง 40% จากเดิม 30% ซึ่งจากแนวทางการทำตลาดทั้งหมด แม้ตลาดจะตกลงจากปีที่ผ่านมา แต่อีซูซุเชื่อว่าจะรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้ที่ระดับ 18%”นางปนัดดากล่าว