xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนลฯ มั่นใจผลงานสดใส รายได้เอทานอล-กระดาษหนุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้บริหารกลุ่ม “เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น” มั่นใจผลงานสดใสแม้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตก หากเน้นบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้เปรียบจากการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) อีกทั้งมีรายได้จากการผลิตเอทานอล หรือการผลิต และจำหน่ายเยื่อกระดาษ
 
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS เปิดเผยว่า ด้วยกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาลในกลุ่ม KTIS ที่มีอยู่ 3 โรงงาน รวม 88,000 ตันอ้อยต่อวัน โดยโรงงานที่ใหญ่ที่สุดมีกำลังการผลิต 55,000 ตันอ้อยต่อวัน ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในโลกในการผลิตน้ำตาลทรายจึงได้ผลิตผลพลอยได้ (By product) ต่างๆ จำนวนมาก ที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ และสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความได้เปรียบจากการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale)

“ในช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกปรับลดลง ทำให้รายได้ของโรงงานน้ำตาลซึ่งมีสัดส่วน 30% ของรายได้ของระบบอ้อย และน้ำตาลทรายลดลงด้วยเช่นกัน จึงส่งผลต่ออัตรากำไรของสายธุรกิจน้ำตาลอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม กลุ่ม KTIS ก็มีสายธุรกิจชีวพลังงาน และผลิตภัณฑ์ที่ยังคงมีอัตราการทำกำไรที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากชานอ้อย การผลิตเอทานอล หรือการผลิต และจำหน่ายเยื่อกระดาษ ทำให้บริษัทฯ ยังคงทำกำไรสุทธิได้ 664.44 ล้านบาท จากรายได้ 9,211.14 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของ KTIS ในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังมาจากการผลิต และจำหน่ายน้ำตาล และกากน้ำตาล 74% สายชีวพลังงาน และผลิตภัณฑ์ 26% บริษัทจึงได้มีนโยบายที่จะลงทุนทางด้านชีวพลังงานมากขึ้นมาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว ด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งก็จะเห็นผลชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไปว่า สัดส่วนรายได้จากสายธุรกิจชีวพลังงานจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสัดส่วนในปัจจุบันของรายได้จากการขาย และบริการ และด้วย Profit Margin ที่ดีกว่าก็จะส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรของ KTIS ด้วย

นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต คณะกรรมการ KTIS จึงได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท เคทิส วิจัยและพัฒนา จำกัด ขึ้นเป็นบริษัทย่อย เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ วิจัย คิดค้น และพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หรือวัตถุดิบ รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากอ้อย และน้ำตาล ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีคุณภาพดีขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้นตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

“ขอให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนว่า KTIS ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำตาล และอุตสาหกรรมต่อเนื่องเกือบ 50 ปี และสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆ มาโดยตลอด ถึงแม้ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนหลายด้าน ทั้งเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศทั่วโลก แต่กลุ่ม KTIS ก็จะเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงด้วยการลงทุนอย่างระมัดระวัง และศึกษาวิจัยเป็นอย่างดีแล้วว่าทุกการลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต”  

กำลังโหลดความคิดเห็น