xs
xsm
sm
md
lg

เกษตรไทย อินเตอร์ฯ ยันโรงไฟฟ้าขายไฟ Q2 ปีนี้ดันผลงานโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น” ลุยแก้ปัญหาเรื่องผู้รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เริ่มขายไฟฟ้าได้ 1 โรง ภายใน Q2 นี้ ส่วนอีกโรงจะเร่งให้เสร็จก่อนการเปิดหีบอ้อยปลายปี ด้านโครงการผลิตน้ำเชื่อม และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ จะเริ่มรับรู้รายได้ Q2 เช่นกัน คาดปี 59 แม้ปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้จะลดลง แต่ไม่กระทบรายได้นัก เพราะราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะสูงกว่าปีก่อน ส่วนสายธุรกิจชีวพลังงานคาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เผยผลงานปี 58 ทำกำไรสุทธิได้ 730 ล้านบาท

นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาล และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ในสายธุรกิจน้ำตาล คือ โครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sucrose) และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้น คือ บริษัท นิสชิน ชูการ์ และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น นั้น

ขณะนี้ได้ก่อสร้างโรงงาน และติดตั้งเครื่องจักรเสร็จสิ้นสมบูรณ์ พร้อมทดลองเดินเครื่องแล้ว โดยอยู่ระหว่างทำข้อตกลงซื้อขายกับลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากโครงการนี้ได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559

“สายธุรกิจน้ำตาลในปีนี้อ้อยได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ปริมาณผลผลิตอ้อยที่เข้าหีบลดลง ในขณะที่ปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้ก็ลดลงด้วย อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกเฉลี่ยจะสูงขึ้นกว่าปีก่อนซึ่งจะไปชดเชยกัน ทำให้รายได้จากการขายน้ำตาลน่าจะไม่ลดลงจากปีก่อนมากนัก เพราะเรามีน้ำตาลที่ส่งออกในสัดส่วนประมาณ 75% ของทั้งหมด” นายประพันธ์ กล่าว

ด้าน นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ กลุ่ม KTIS กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจากชานอ้อย ซึ่งปัจจุบันกลุ่ม KTIS มีโรงไฟฟ้าที่ใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดเดินเครื่องขายไฟฟ้าเข้าระบบอีก 2 โรงในปีนี้ ที่ผ่านมา ประสบปัญหาล่าช้าในการก่อสร้างสาเหตุจากผู้รับเหมาไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญารับเหมาฯ ซึ่งทาง KTIS ได้เข้าไปแก้ปัญหาร่วมกับผู้รับเหมาอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะสามารถทำการผลิต และขายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าได้ 1 โรง ภายในไตรมาสที่ 2 นี้ คือ โรงไฟฟ้าไทยเอกลักษณ์ ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนโรงไฟฟ้ารวมผล ที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้พยายามเร่งให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดหีบอ้อยในปลายปีนี้

“โรงไฟฟ้าชีวมวลใหม่ 2 โครงการนี้เราต้องการให้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลอดภัยสูงสุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถผลิตไอน้ำแรงดันสูง ดังนั้น ไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในกระบวนการผลิตน้ำตาล เพื่อประหยัดการใช้เชื้อเพลิงชานอ้อย ที่เหลือจึงขายให้แก่การไฟฟ้าฯ” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ KTIS ในปี 2558 ยังคงมาจากการผลิต และจำหน่ายน้ำตาล และกากน้ำตาลประมาณ 79.4% สายชีวพลังงานและผลิตภัณฑ์ 20.6% ซึ่งในปี 2559 ก็จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่าสัดส่วนรายได้จากสายธุรกิจชีวพลังงานจะเพิ่มมากขึ้น และด้วย Profit Margin ที่ดีกว่าก็จะส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรของ KTIS ที่ดีขึ้นด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2558 กลุ่ม KTIS มีรายได้รวม 19,456.5 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปี 2557 ที่ทำได้ 20,348.8 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในปี 2558 ที่ 729.95 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น