ทรีซิกตี้ไฟว์ เผยผลประกอบการ Q2 สร้างรายได้เพิ่ม 30% ยืนยันผลประกอบการโตสวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว และปัญหาการยกเลิกป้ายโฆษณาต่อกรุงเทพมหานคร ย้ำจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 40% และลดภาระก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารกว่า 250 ล้านบาท เตรียมนำเงินไปลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก และโครงการอื่นๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างผลกำไรให้บริษัทมากขึ้น
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSF เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2558 ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 แล้ว พบว่า บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก แม้ว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาเรื่องการยกเลิกป้ายโฆษณาต่อกรุงเทพมหานคร รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังชะลอตัว ทั้งนี้ หากพิจารณาดูผลประกอบการในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าพอใจ แม้ว่าที่ผ่านมา TSF มีปัญหาต่างๆ เข้ามารุมเร้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการคืนสัมปทานโครงการป้ายโฆษณาบริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารกลุ่ม A จำนวน 516 หลัง และโครงการ C จำนวน 538 หลัง ให้แก่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายทางบัญชีเกิดขึ้นทันที 268 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าด้อยสิทธิของโครงการป้ายโฆษณาต่อ กทม. ทั้งหมด ซึ่งจากเดิมเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตลอดอายุสัญญาตัดมาเป็นค่าใช้จ่ายในงวดนี้ทันที
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานทางบัญชีซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีเห็นชอบแล้ว รวมทั้งค่าสิทธิสัมปทาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องบันทึกบัญชีส่งผลให้งบ Q2 ขาดทุน แต่หากผลการยกเลิกสัญญาสัมปทานป้ายโฆษณาโครงการ A และ C ต่อกรุงเทพมหานครได้ข้อยุติ บริษัทจะมีผลประกอบการลดลง 20% แต่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 40% ซึ่งจะส่งผลดีต่อ TSF ในอนาคต
นายวิโรจน์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การยกเลิกป้ายโฆษณาต่อกรุงเทพมหานคร จะส่งผลให้บริษัทสามารถลดค่าสิทธิสัมปทานรายเดือน และรายปีที่ต้องจ่ายให้กรุงเทพมหานคร จากเดิมปีละ 350 ล้านบาท เหลือเพียง 209 ล้านบาท และจะสามารถลดภาระในการก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสาร และป้ายริมทางเท้าได้ทันทีกว่า 250 ล้านบาท รวมทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารได้อีก ในขณะที่รายได้จากการขายพื้นที่ป้ายโฆษณาจะลดลงไม่มาก เนื่องจากปัจจุบันรายได้จากการขายโฆษณาส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากโครงการ 691 ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเขตใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ที่สำคัญการตัดสินใจคืนสัญญาสิทธิการดูแลศาลาที่พักผู้โดยสารประจำทางโครงการ A กับ C โดย TSF สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวไปลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ รวมทั้งการหาสื่อโฆษณาใหม่ๆ ที่มีต้นทุนต่ำกว่า และเป็นความต้องการของธุรกิจต่างๆ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างผลกำไรให้บริษัทมากขึ้นกว่าเดิม โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นเจรจาอยู่หลายโครงการ