ตลาดหุ้น ก.ล.ต. บล. บลจ. สยบข่าวลือปิดทำการ ยืนยันเปิดทำการปกติวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) พร้อมใช้ Circuit Breaker รับมือหากตลาดหุ้นผันผวนจนดัชนีปรับตัวลดลงเข้าเกณฑ์เงื่อนไข
จากกรณีที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิตหลายราย ต่อมา ได้เกิดกระแสข่าวลือต่างๆ ในระบบโซเชียลว่าอาจมีการหยุดทำการของสถาบันการเงิน และตลาดหุ้นในวันรุ่งขึ้น
ล่าสุด เว็บไซต์ www.set.or.th ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แถลงข่าวว่า ตลท. ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้
ขณะเดียวกัน ตลท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) ยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ยังเปิดทำการปกติ เช่นเดียวกับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งคาดว่าอาจมีเพียงสาขาของธนาคารในพื้นที่เกิดเหตุเท่านั้นที่อาจหยุดทำการ โดยประชาชนสามารถใช้บริการในสาขาอื่นๆ ได้
นอกจากนี้ ในการเปิดทำการวันพรุ่งนี้ ก.ล.ต. และ ตลท.จะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือความผันผวนที่จะเกิดขึ้น รวมถึงขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ส่วนการนำมาตรการการหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) มาใช้นั้น ตลท. ยืนยันว่า ยังคงพร้อมใช้มาตรการดังกล่าวหากการปรับตัวลดลงของดัชนีเข้าเงื่อนไขของมาตรการ นั่นคือ กรณีที่สภาวะการซื้อขายมีความผันผวนรุนแรง ราคาหลักทรัพย์โดยรวมเปลี่ยนแปลงลดลงมาก เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์จะหยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว ตามหลักเกณฑ์ คือ หยุดครั้งที่ 1 เมื่อ SET Index เปลี่ยนแปลงลดลงถึง 10% ของค่าดัชนีปิดในวันทำการก่อนหน้าตลาดหลักทรัพย์จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 30 นาที และครั้งที่ 2 เมื่อ SET Index เปลี่ยนแปลงลดลงถึง 20% (ลดลงอีก 10%) ของค่าดัชนีปิดในวันทำการก่อนหน้า ตลาดหลักทรัพย์จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และหลังจากการทำงานครั้งที่ 2 ของ Circuit Breaker แล้ว ตลาดหลักทรัพย์จะเปิดให้ทำการซื้อขายต่อไปจนถึงเวลาปิดทำการตามปกติโดยไม่มีการหยุดพักการซื้อขายอีก
โดยหากระยะเวลาในรอบการซื้อขายที่ Circuit Breaker ทำงานนั้นเหลือไม่ถึง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ก็ให้หยุดพักการซื้อขายเพียงระยะเวลาที่เหลือในรอบการซื้อขายนั้น แล้วเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติในรอบการซื้อขายถัดไป