ผู้บริหารเอสซี ประเมินเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกหนุน ทั้งท่องเที่ยว น้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ห่วงภาระหนี้ครัวเรือนกระทบกำลังซื้อที่อยู่อาศัย ยอมรับยอดปฏิเสธสินเชื่อมีบ้าง 5-8% พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการใหม่ คาดทั้งปีเปิด 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท เปิดตัวแบรนด์บ้านเดี่ยว “เพฟ” ทำตลาดระดับราคา 3-5 ล้านบาท เพิ่มฐานรายได้ตามแผน 5 ปี รายได้ 20,000 ล้านบาท เล็งมองหาน่านน้ำใหม่ สร้างโอกาสทางธุรกิจ
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 คาดว่ามีแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยว ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การส่งออก และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ยังสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อ และความสามารถในการขอกู้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ปัจจุบัน บริษัทมีตัวเลขยอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 5-8% และหากแยกเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคา 5-15 ล้านบาท ยอดปฏิเสธสินเชื่อในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ 9% เทียบกับครึ่งปีแรกของปี 57 อยู่ที่ 6% และที่อยู่อาศัยระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป อยู่ที่ 1% เมื่อเทียบกับงวดครึ่งปี 57 อยู่ที่ 3%
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 16,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 2 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ในส่วนของช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการเพิ่ม 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,800 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 4,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เพฟ” (PAVE) โดยบริษัทมองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ และเป็นครั้งแรกที่บริษัทหันมารุกตลาดระดับกลาง ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจากการเข้ามารุกตลาดระดับกลางจะสามารถเพิ่มฐานรายได้ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ที่ 2562 ตั้งเป้ามีรายได้ 20,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15% โดยมีสัดส่วนรายได้เพิ่มจากการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ “เพฟ” ที่ 10% และในปีนี้ตั้งเป้ามียอดขายที่ประมาณ 160 ล้านบาท และในอีก 5 ปี จะมียอดขาย 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบัน ทั้ง 3 โครงการได้เปิดตัวพรีเซลล์แล้ว มียอดขายรวมกันแล้ว 300 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทมีการปรับเพิ่มงบในการซื้อที่ดินจากเดิม 5,200 ล้านบาท เป็น 7,500 ล้านบาท รองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำโครงการคอนโดมิเนียมไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง จีน ไต้หวัน และมาเลเซีย ในช่วงไตรมาส 4 นี้อีกด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 7 เดือนแรก บริษัทมียอดขายรวมมากกว่า 6,000 ล้านบาท และมีรายได้จากการดำเนินงาน 5,931 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 93% และ รายได้จากธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า 7% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่มียอดขาย 13,000 ล้านบาท และมีรายได้ 13,900 ล้านบาท เติบโต 10% ปัจจุบันบริษัทมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 9,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ถึงปี 2561
นายอรรพล สฤษฏิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซีฯ กล่าวเสริมว่า เอสซี ยังคงมุ่งมั่น และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของการดำเนินธุรกิจตั้งแต่แรก ซึ่งการเดินหน้าโครงการคอนโดมิเนียมก็เพื่อสร้างความเติบโตให้แก่องค์กร
“การที่เราเน้นการเติบโตไม่ใช่เราไม่ได้ดูหลังบ้าน เราดู และการดำเนินธุรกิจเราก็มองหาโอกาส และมองหาน่านน้ำใหม่ การที่เราสร้างแบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ เพฟ เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยเรายังคงไม่นำแบรนด์ใหม่ไปทำตลาดต่างจังหวัดเพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี”