รายงานข่าวจาก บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) กล่าวถึงกรณีการรดำเนินธุรกิจของ IVL ในประเทศตุรกี โดยยืนยันว่า การดำเนินงานยังแข็งแรงดี และไม่ได้รับผลกระทบต่อเหตุการณ์ที่กระทรวงต่างประเทศตุรกีออกแถลงการณ์ตำหนิกรณีที่รัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ 115 รายไปยังประเทศที่ 3 เนื่องจากประเทศตรุกีถือว่ายังมีความต้องการเม็ดพลาสติก PET ในปริมาณที่สูง และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทมองตุรกีเป็นส่วนหนึ่งของทวีปยุโรปที่มีสัดส่วนรายได้ราว 30% ขณะที่ก็มีสัดส่วนรายได้จากประเทศสหรัฐฯ คิดเป็น 30% และในเอเชีย 40%
“เรามีโรงงานอยู่ในตุรกี 2 โรงงาน ซึ่งตุรกีมีความต้องการสูง เราเลยไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อะไรเลย ขณะที่ยุโรปเองก็ยังแข็งแรงดี เราเลยไม่มีปัญหา โดยแผนการขยายธุรกิจของเราเอง คือ เข้าไปในประเทศที่มีความต้องการสูง และการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีด้วย ขณะเดียวกันเราก็ขยายกิจการไปทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยง” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับแผนดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการในประเทศแถบตะวันตกเพิ่มอีก 2 บริษัท คาดว่า จะสรุปความชัดเจนได้ภายในปีนี้ โดยแห่งแรกเป็นธุรกิจที่เป็นลักษณะเดียวกันกับ IVL ส่วนอีกหนึ่งแห่งจะเป็นธุรกิจที่เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลดีในแง่ของกำไรได้ในอนาคต
ขณะที่ครึ่งปีแรก บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ PTA ที่ประเทศแคนาดา รวมถึงเข้าซื้อกิจการ PET ของ บมจ.บางกอกโพลีเอสเตอร์ (BPC) ประเทศไทย ส่งผลให้กำลังการผลิตปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8.5 ล้านตัน/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 7.5 ล้านตัน/ปี
นอกจากนั้น คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อนและกำไรสุทธิที่น่าจะดีกว่าเล็กน้อย จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 247,736.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,485.38 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการผลิตและยอดขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากตลาดความต้องการเพิ่มขึ้น และน่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับ บริษัทได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทสูงขึ้นด้วย
“เรามีโรงงานอยู่ในตุรกี 2 โรงงาน ซึ่งตุรกีมีความต้องการสูง เราเลยไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อะไรเลย ขณะที่ยุโรปเองก็ยังแข็งแรงดี เราเลยไม่มีปัญหา โดยแผนการขยายธุรกิจของเราเอง คือ เข้าไปในประเทศที่มีความต้องการสูง และการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีด้วย ขณะเดียวกันเราก็ขยายกิจการไปทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยง” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับแผนดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการในประเทศแถบตะวันตกเพิ่มอีก 2 บริษัท คาดว่า จะสรุปความชัดเจนได้ภายในปีนี้ โดยแห่งแรกเป็นธุรกิจที่เป็นลักษณะเดียวกันกับ IVL ส่วนอีกหนึ่งแห่งจะเป็นธุรกิจที่เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลดีในแง่ของกำไรได้ในอนาคต
ขณะที่ครึ่งปีแรก บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ PTA ที่ประเทศแคนาดา รวมถึงเข้าซื้อกิจการ PET ของ บมจ.บางกอกโพลีเอสเตอร์ (BPC) ประเทศไทย ส่งผลให้กำลังการผลิตปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8.5 ล้านตัน/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 7.5 ล้านตัน/ปี
นอกจากนั้น คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อนและกำไรสุทธิที่น่าจะดีกว่าเล็กน้อย จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 247,736.87 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,485.38 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการผลิตและยอดขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากตลาดความต้องการเพิ่มขึ้น และน่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับ บริษัทได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทสูงขึ้นด้วย
