บล.บัวหลวง เผยปริมารการซื้อขาย DW ครึ่งปีแรกเทรดต่อวันพุ่ง 37% ท่ามกลางตลาดผันผวน DW อิง SET50 ซื้อขายสูงสุด เตรียมออก DW ใหม่อีก 10 ตัว คาดเปิดซื้อขายได้ 10 กรกฎาคมนี้ พร้อมแจงแนวทางอ่านข้อมูลตารางราคา DW01 หวังนักลงทุนใช้เครื่องมือถูกต้อง
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 มีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 1,044.3 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 37.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วน 2.4% ต่อปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ เพิ่มขึ้น 0.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยนักลงทุนซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกอยู่ในกลุ่มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ สัดส่วน 19.9% กลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร 18.7% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 16.1% โดยส่วนใหญ่ซื้อขาย DW ประเภท Call สัดส่วนถึง 68.6% สอดคล้องต่อดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
“ตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีแรกมีความผันผวนมาก แม้ 2 เดือนแรกดัชนีสามารถทำนิวไฮในรอบ 21 เดือน ไปแตะที่ 1,619 จุด จากปัจจัยบวกมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรป และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในครึ่งปีแรก นักลงทุนจึงเข้าเก็งกำไร DW ประเภท Call ในหุ้นที่เกี่ยวข้องต่อฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ แต่หลังจากงบไตรมาสแรกออกมาไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ประกอบกับตัวเลขการส่งออกเดือน มี.ค. ลดลง 4.45% รวมถึงความกังวลปัญหาหนี้กรีซ ซึ่งกดหุ้นไทยลงต่ำสุดที่ 1,476 จุด และยังเป็นปัจจัยรบกวนการลงทุนในตอนนี้ ส่งผลให้ครึ่งปีแรกดัชนีปิดที่ 1,504.55 จุด ณ 30 มิ.ย.2558 เพิ่มขึ้นเพียง 6.88 จุด หรือ 0.46% จากสิ้นปี 2557 นักลงทุนจึงทยอยลดพอร์ต และหันไปลงทุน Put DW สัดส่วนที่สูงถึง 42% ของปริมาณการซื้อขาย DW เป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน โดยมีบางส่วนเข้าไปเก็งกำไร Call DW หุ้นขนาดกลางที่ได้ประโยชน์จากแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ”
สำหรับ DW ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในครึ่งปีแรก ได้แก่ DW ที่อ้างอิงดัชนี SET50 ซื้อขายสูงถึง 19.7% โดยเฉพาะ Put ในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรงๆ รองลงมา DW อ้างอิงหุ้นรายตัว ได้แก่ ITD, PTT, TPIPL และ TRUE สัดส่วน 10.9%, 9.0%, 7.7% และ 7.5% ตามลำดับ ซึ่งหุ้นเหล่านี้ผันผวนสูง และมีปัจจัยบวกสนับสนุน นักลงทุนจึงเข้าเก็งกำไร Call โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวน DW เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 932 รุ่น แบ่งเป็น Call 725 รุ่น และ Put 207 รุ่น เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา ที่มีจำนวน DW ที่เสนอขาย 870 รุ่น โดยมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงที่เสนอขาย 98 ตัว จากสิ้นปีที่ผ่านมามี 92 ตัว และมีหลักทรัพย์ที่เข้าใหม่ 12 ตัว
ในส่วนของหลักทรัพย์บัวหลวงยังครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด เมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 53.5% และจากยอดถือครอง DW เฉลี่ยในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 48.5% รวมทั้งมีจำนวน DW และจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงสูงสุดในระบบ อย่างไรก็ดี เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย หลักทรัพย์บัวหลวงจึงออก DW อีกจำนวน 10 ตัว และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 10 ก.ค.2558 ทั้งประเภท Call และ Put อ้างอิงหุ้น BA, CBG และ ITD นอกจากนี้ ยังมี Call DW อ้างอิงหุ้น CKP, LHBANK, TISCO และ WHA โดยซื้อขายวันสุดท้ายในวันที่ 29 ม.ค. 2559
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจ DW เพิ่มขึ้น และมีการตรวจสอบราคาที่เหมาะสมของ DW01 จากตารางรับซื้อคืน (DW Indicative price guideline) ใน www.blswarrant.com อย่างสม่ำเสมอ หลักทรัพย์บัวหลวงจึงอยากให้นักลงทุนมีความเข้าใจที่ถูกต้องในการอ่านข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ Indicative price guideline เป็นตารางแสดงราคาเสนอซื้อคืน DW01 ณ เวลา 10.00 น. ของทุกวันทำการที่หลักทรัพย์บัวหลวงทำการดูแลสภาพคล่อง แยกตามระดับราคาหลักทรัพย์อ้างอิง และโดยทั่วไปตารางราคานี้จะใช้ดูค่าประมาณได้ทั้งวันตลอดช่วงเวลาที่บริษัททำการดูแลสภาพคล่อง ยกเว้น DW ใกล้ครบอายุมีอายุคงเหลือไม่เกิน 3 วันทำการ เนื่องจากบริษัทจะปรับ Time decay รายชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ราคา DW ปรับตัวลงรุนแรงหากปรับ Time decay ครั้งเดียว ณ สิ้นวัน
ทั้งนี้ ราคาที่ปรากฏในตารางอาจคลาดเคลื่อนจากราคาเสนอซื้อคืนจริงได้ เนื่องจากเป็นราคาประมาณที่ถูกคำนวณจากการปรับระดับราคาของหลักทรัพย์อ้างอิง เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และการอ่านข้อมูล ในขณะที่ราคาเสนอซื้อคืนจริงนั้นคำนวณโดยนำปัจจัยอื่นมาพิจารณาด้วย เช่น สภาพคล่องการซื้อขายหุ้นอ้างอิง ณ ขณะนั้น หรือความต้องการซื้อและขาย DW จากนักลงทุน เป็นต้น ดังนั้น นักลงทุนอาจพบว่าที่ระดับราคาหุ้นอ้างอิงหนึ่งๆ จะมีราคาเสนอซื้อคืน DW หลายราคาแตกต่างกันในเวลาเดียวกัน
“นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุน DW ที่มีราคาซื้อขายในกระดานสูงกว่าราคาในตารางตั้งแต่ 3 ช่องราคาขึ้นไป เพื่อป้องกันการซื้อ DW แพงเกินจริง ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น บริษัทกระจายขาย DW ให้นักลงทุนเกือบครบจำนวนที่จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีจำนวน DW ไม่พอในการควบคุมราคาด้านฝั่งขาย ซึ่งปกติจะเกิดกับ DW ในหุ้นอ้างอิงที่ได้รับความนิยมสูง หรือ DW ที่มีราคาต่ำ และใกล้ครบกำหนดอายุ หรือกรณีที่บริษัทอาจปรับวิธีการดูแลสภาพคล่องให้สอดคล้องต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในความผันผวนของราคาหุ้นอ้างอิง หรือสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้นอ้างอิง เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อมูลราคาจากตารางรับซื้อคืนนั้นยังคำนวณจากราคาใช้สิทธิ และอัตราใช้สิทธิของ DW ที่เป็นปัจจุบัน นักลงทุนไม่ควรนำข้อมูลราคาย้อนหลังก่อนวันที่ DW ถูกปรับสิทธิไปใช้อ้างอิง และต้องเข้าใจด้วยว่า ข้อมูลราคาในอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหากมีการปรับสิทธิเกิดขึ้น ดังนั้น นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการใช้ข้อมูลร่วมกับบทวิเคราะห์ ข้อมูล ปัจจัยความเสี่ยง และความเห็นอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน”