กลุ่มแบงก์กดดัน กังวลตั้งสำรองเพิ่ม ตลาดฯ มีลักษณะเทรดดิ้ง และมีความคาดหวังข่าวดีกรีซสัปดาห์หน้า

หุ้นเช้าปิดร่วง 7.80 จุด สวนทางตลาดในต่างประเทศ คาดได้รับแรงกดดันจากกลุ่มแบงก์ อันเนื่องมาจากเอ็นพีแอลที่ขยับขึ้น และอาจต้องมีการตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น แนวโน้มบ่ายมีโอกาสฟื้นตัว และยืนเหนือ 1,500 จุด ชี้ ตลาดยังเป็นลักษณะเทรดดิ้ง และมีความคาดหวังข่าวดีจากกรีซในสัปดาห์หน้า

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (2 ก.ค.) ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลง 7.80 จุด สวนทางตลาดต่างประเทศที่ต่างก็ปรับตัวขึ้นกัน

โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นกันเกือบทั้งหมด ยกเว้นตลาดจีน ซึ่งมองว่าตอบรับข่าวบวกจากเรื่องกรีซก่อนที่ประชามติจะออกมาในวันที่ 5 ก.ค.นี้ หลังจากนายกฯ กรีซ ออกมายอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้

กรณีดังกล่าวมองว่า เป็นความพยายามของลูกหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้เองก็ต้องรอผลประชามติก่อน จึงไม่แน่ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลโพลเบื้องต้นออกมาว่า คนน่าจะยอมรับเงื่อนไขเจ้าหนี้มากกว่า

ส่วนตลาดบ้านเราก็ได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวลง อันเนื่องมาจากแบงก์ที่อาจจะต้องมีการตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นจากตัวเลข NPL ที่มีแนวโน้มขยับขึ้น และราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงด้วย

ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,496.75 จุด ลดลง 7.80 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.52% มูลค่าการซื้อขาย 23,601.54 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดยังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ เพราะตลาดยังเป็นลักษณะของการเทรดดิ้งและคาดหวังข่าวดีจากกรีซในสัปดาห์หน้า

ดังนั้น ภาคบ่ายนี้ ตลาดหุ้นไทยอาจมีลุ้นกลับมายืนเหนือระดับ 1,500 จุด แต่คงต้องเลือกเล่นหุ้นรายตัว อาจอิงผลประกอบการก็ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,492 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505 จุด