นายพิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ เปิดเผยว่า จากการทำพอร์ตจำลองการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จำนวน 100 บริษัท เช่น บมจ.บางจากปิโตรเลียม, บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ฐ, บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.โทเทิล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น
“กรณีดังกล่าว เราพบว่าผลตอบแทนโดยรวมที่นักลงทุนได้รับตั้งแต่ต้นปี 2558 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 24.92% แสดงให้เห็นว่า บริษัทที่ดำเนินงานบนพื้นฐานของความยั่งยืน เปิดเผยข้อมูลตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน มีความรับผิดชอบต่อสังคม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีธรรมาภิบาล ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ”
นอกจากนี้ สถาบันฯ ได้เตรียมผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่สนใจตั้งกองทุนลงทุนในหุ้น ESG ได้จัดตั้งงบประมาณ 1 ก้อน เพื่อนำมาลงทุนในกองทุนหุ้นดังกล่าว และนำเงินปันผล รวมทั้งผลตอบแทนที่ได้ไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือบริจาคให้มูลนิธิ
ทั้งนี้ มูลนิธิหลายแห่งนำเงินที่ได้รับบริจาคไปฝากธนาคาร แต่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ หลายมูลนิธิจึงเริ่มชักเงินทุนมาใช้เพราะดอกผลที่ได้ไม่พอ จึงได้เสนอทางเลือกใหม่ให้นำเงินที่ได้รับไปลงทุนในหุ้นที่รับผิดชอบต่อสังคม และนำผลตอบแทนที่ได้ไปใช้ในกิจกรรมซีเอสอาร์
“กรณีดังกล่าว เราพบว่าผลตอบแทนโดยรวมที่นักลงทุนได้รับตั้งแต่ต้นปี 2558 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 24.92% แสดงให้เห็นว่า บริษัทที่ดำเนินงานบนพื้นฐานของความยั่งยืน เปิดเผยข้อมูลตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน มีความรับผิดชอบต่อสังคม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีธรรมาภิบาล ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ”
นอกจากนี้ สถาบันฯ ได้เตรียมผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่สนใจตั้งกองทุนลงทุนในหุ้น ESG ได้จัดตั้งงบประมาณ 1 ก้อน เพื่อนำมาลงทุนในกองทุนหุ้นดังกล่าว และนำเงินปันผล รวมทั้งผลตอบแทนที่ได้ไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือบริจาคให้มูลนิธิ
ทั้งนี้ มูลนิธิหลายแห่งนำเงินที่ได้รับบริจาคไปฝากธนาคาร แต่ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ หลายมูลนิธิจึงเริ่มชักเงินทุนมาใช้เพราะดอกผลที่ได้ไม่พอ จึงได้เสนอทางเลือกใหม่ให้นำเงินที่ได้รับไปลงทุนในหุ้นที่รับผิดชอบต่อสังคม และนำผลตอบแทนที่ได้ไปใช้ในกิจกรรมซีเอสอาร์
