บล.โกลเบล็ก ระบุดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ให้กรอบแนวต้านที่ระดับ 1,520-1,540 จุด ชี้แผนการชำระหนี้ของกรีซคลายความกังวล ขณะที่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลเชิงบวกต่อภาคการลงทุนด้านเศรษฐกิจ แนะกลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มพลังงาน (PTT PTTEP TOP PTTGC) เหตุได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดีดตัว
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,520-1,540 จุด เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลต่อปัญหาหนี้กรีซ หลังจากเยอรมนีอาจยอมรับเงื่อนไขการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซ อย่างน้อย 1 เงื่อนไข ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ เพื่อไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้ IMF ราว 1,600 ล้านยูโรในเดือนมิถุนายน รวมถึงการถูกบีบออกจากสมาชิกยูโรโซน
อีกทั้งปัจจัยบวกภายในประเทศก็มีส่วนในการสนับสนุนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนี โดยเฉพาะที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ยืนยันเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตามแนวเดิมผ่านประชาสงเคราะห์-ศูนย์วัฒนธรรม ไม่ใช่แนวใหม่ที่จะผ่านดินแดง-พระราม 9 ทำให้สามารถเดินหน้าต่อได้เลยหลังจากทำความเข้าใจต่อประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากได้ทำการศึกษา EIA ไว้แล้ว
รวมทั้งคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปการท่องเที่ยวปี 2558-2560 ซึ่งวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เพิ่มจาก 2.2 ล้านล้านบาท เป็น 2.5 ล้านล้านบาท โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนสิ้นเดือนนี้ และทาง กสทช.ย้ำ 11 พ.ย.เปิดประมูล 4G ตามแผน
ด้านมูดี้ส์ ยืนยันว่า ภาพรวมด้านอันดับเครดิตของกลุ่มธนาคารไทยจะยังคงมีเสถียรภาพในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า แต่ก็ยังต้องเผชิญสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ท้าทายขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวได้ต่ำ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กดดันการบริโภค ซึ่งจะฉุดให้สินทรัพย์ของธนาคารด้อยค่าลงมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามผลการประชุม FED ในวันที่ 16-17 มิถุนายนนี้ว่าจะมีความเห็นเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างไร หลังจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ทรงตัวระดับต่ำที่ 5.5% และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งหาก FED มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้จะกระทบต่อ Fundflow การลงทุนทั่วโลกโดยธนาคารโลก (World Bank) ได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.8% จากเดิม 3% และระบุว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญต่อความท้าทายหลายด้าน เช่นเดียวกับธนาคารกลางจีน ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน สำหรับปี 2558 เนื่องจากมีแรงกดดันช่วงขาลงมากขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 7% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ในช่วง 6 เดือนก่อนที่ 7.1% นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดคาดการณ์ CPI ปี 58 เหลือ 1.4% จากเดิม 2.2%
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำกลยุทธ์การลงทุนว่า SET ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,520-1,540 จุด จึงแนะนำลงทุนในกลุ่มที่มีประเด็นรองรับ เช่น กลุ่มพลังงาน (PTT PTTEP TOP PTTGC) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดีดตัว
นอกจากนี้ กลุ่มโรงแรมและขนส่ง (AOT CENTEL MINT) จากข่าวการท่องเที่ยวฯ เตรียมชง ครม.อนุมัติแผนยุทธศาสตร์ปี 2558-60 ตั้งเป้ารายได้ 2.5 ล้านล้านบาท กลุ่มธนาคาร (KBANK KTB SCB BBL) กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ทำให้คาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบถัดไป BLA,TPIPL, WHA, SUPER, ITD, BA, SAWAD ประกาศ 15 มิถุนายนนี้
ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวลงมาแรง หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เดือน พ.ค.ขยายตัวแตะ 52.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. และสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด และภาคเอกชนของสหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ราย ซึ่งได้สร้างความกังวลว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวลง 0.7% จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 0.2% ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลกรีซได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อ IMF เพื่อขอเลื่อนการชำระหนี้งวดเดือน มิ.ย. โดยจะขอจ่ายรวมหนี้ที่ต้องชำระคืน 4 งวดทีเดียว รวมเป็นเงิน 1,600 ล้านยูโร และขอเลื่อนกำหนดจ่ายไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย. โดยที่แผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่กรีซนำเสนอยังไม่ได้รับการยอมรับจากทาง EU รวมถึงตัวเลขด้านตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งยังสร้างความกังวลต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ยังเป็นปัจจัยที่กดดันต่อทิศทางของราคาทองคำ
ดังนั้น ประเมินว่าเมื่อราคาเริ่มฟื้นตัวขึ้นมายืนเหนือแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้อีกครั้ง ด้วยการสร้างแนวเรียงตัวขาขึ้นแท่งเทียนในรูปแบบของฐาน V-SHAPE การสร้างรูปแบบหลังจากลงมาจบแนวลง BEARISH FLAG ที่ซ้อนกันถึง 2 ครั้ง แสดงถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 5 วันเริ่มปรับขึ้นหาเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดสัญญาณ GOLDEN CROSS อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยสร้างแรงหนุนให้ราคามีโอกาสปรับขึ้นต่อตามแนวรูปแบบ V-SHAPE มากขึ้น จึงแนะนำกลยุทธ์ ทยอยเลือกเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series เพื่อเล่นรอบทำกำไรในทิศทางของขาขึ้นรอบใหม่แนวรับ 1,170-1,160 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนแนวต้าน 1,200-1,210 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์