ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจในการแต่งห้องที่สะท้อนตัวตนมากยิ่งขึ้น จึงทำให้การ DIY (Do It Yourself) หรือการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ด้วยตนเองเข้ามามีบทบาทสำคัญในแวดวงการตกแต่งภายในมากกว่าเดิม ซึ่งหนึ่งในการ DIY ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การ DIY ผนัง เพราะผนังเป็นส่วนสำคัญส่วนนึงที่มีผลโดยตรงต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย และยังช่วยประหยัดงบประมาณการสร้างสรรค์ดีไซน์เก๋ๆ ให้แก่ห้องได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การ DIY ผนังมีเทคนิคที่น่าสนใจให้เลือกใช้มากมายหลายแบบ ซึ่งการนำสีซีเมนต์มาทาตกแต่งโดยตรงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคุณสมบัติที่ต่างจากสีทาบ้านทั่วไป เพียงผสมน้ำก็ใช้งานได้ทันที สามารถนำมาใช้ได้กับหลากหลายวัสดุ ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่ต้องทาน้ำยารองพื้น และเข้าถึงความเป็นธรรมชาติของปูนซีเมนต์ได้ดี ดังนั้น เสือ เดคอร์ ในฐานะผู้ผลิตและผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมปูนซีเมนต์ จึงขอแนะนำเทคนิคการ DIY ผนังด้วยสีซีเมนต์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งไอเดียให้แก่เจ้าของบ้านได้นำมาใช้ตกแต่งได้ตามจินตนาการ
น.ส.กมลวรรณ ชื่นอังกูล ผู้จัดการเดคอร์เรทีฟ โปรดักส์ บริษัท สยามมอร์ตาร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมปูนซีเมนต์ “เสือ เดคอร์” กล่าวว่า ปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อการตกแต่งผนังให้มีสีสันรับต่อไลฟ์สไตล์ และความชื่นชอบของตนเองมากขึ้น โดยมองว่าผนังบ้านเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ห้องมีความน่าสนใจ และสามารถให้อารมณ์ที่หลากหลายได้ ทำให้เทรนด์การ DIY ได้รับความนิยมมาก ดังนั้น เสือ เดคอร์ จึงแนะนำเคล็ดลับการ DIY ด้วยสีซีเมนต์ ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่น และสร้างสรรค์บรรยากาศใหม่ๆ ให้แก่บ้าน ดังนี้
เทคนิคแรก คือ “จับคู่สีเพิ่มความสดใสให้แก่ห้อง” สีมีความสำคัญอย่างมากต่อการตกแต่งผนังห้อง เพราะนอกจากการใช้สีจะมีผลโดยตรงต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังสามารถสื่อให้เห็นถึงบุคลิก สไตล์ และลักษณะของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การเลือกใช้สีให้เหมาะกับแต่ละห้องจึงมีส่วนทำให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น
ในปัจจุบัน มีสีซีเมนต์ให้เลือกอย่างหลากหลาย จึงสามารถจับคู่สีได้มากมายหลายแบบ ทั้งการทาผนังให้ตัดกัน และการกั้นแถบผนังให้มีสีต่างกันเพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ห้อง โดยการเลือกจับคู่สีสามารถแบ่งได้เป็น 2 วิธี
ได้แก่ การจับคู่สีแบบตัดกัน (Contrast) คือ การนำ 2 สีที่ตัดกันมาทาสลับกัน หรือทำให้เกิดลวดลาย เพื่อเพิ่มความทันสมัย และเป็นเอกลักษณ์ให้แก่ผนังมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้ต้องคำนึงถึงการเลือกใช้สีเป็นอย่างมาก เนื่องจากการใช้สีที่ตัดกันมากในปริมาณที่เท่ากันจะทำให้ห้องดูแคบ และเล็กลง ดังนั้น จึงควรเลือกใช้สีในสัดส่วน 70:30 เพื่อทำให้ห้องดูสวยงามและลงตัวมากขึ้น
สำหรับอีกหนึ่งวิธี คือ การจับคู่สีแบบใกล้เคียงกัน (Monotone) เป็นการนำ 2 สีที่ใกล้เคียงกัน หรืออยู่ในโทนสีเดียวกันมาใช้ในการ DIY ผนัง เพื่อให้ห้องดูกว้างขวางและสบายตามากขึ้น เช่น การนำสีเหลืองแก่ และสีเหลืองอ่อนมาทาคู่กัน หรืออาจใช้วิธีทาสีห้องเป็นสีเดียว แต่เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ หรือสีพื้นที่มีสีสันตัดกันทดแทนได้ ทั้งนี้ หากต้องการเพิ่มมิติให้ห้องดูลึกขึ้น ก็สามารถทำเส้นสายลายเส้นต่างๆ เช่น เส้นตรง เส้นเฉียง หรือซิกแซ็กได้ตามใจชอบ
เทคนิคที่ 2 คือ “สร้างลวดลายผ่านลายฉลุ” (Stencil) หนึ่งในเทคนิคการ DIY ผนังที่เจ้าของบ้านสามารถทำได้ด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายเหมือนการวาดภาพ และสามารถสะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี โดยขั้นตอนแรกต้องเริ่มต้นจากการค้นหาแบบลายฉลุที่ชื่นชอบ ซึ่งปัจจุบันตามร้านค้า และในเว็บไซต์มีให้เลือกมากมายหลายแบบตามสไตล์ของแต่ละคน หลังจากนั้น ให้นำแบบลายฉลุที่เลือกมาแปะบนผนังแล้วทาทับด้วยสีซีเมนต์ โดยใช้เฉดสีที่ต่างจากสีพื้นเดิมของผนัง การใช้สีซีเมนต์จะช่วยทำให้ภาพมีความคมชัดและสวยงามมากกว่าการใช้สีทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวัง คือ การสร้างลวดลายโดยใช้ลายฉลุนั้นจำเป็นต้องมีการวางแผนให้ดีว่าจะให้ลายฉลุไหนอยู่ตรงส่วนใดของผนัง ตลอดจนลำดับการทาสีทับ เพื่อให้งานที่ออกมาตรงต่อความต้องการมากที่สุด ไม่ต้องมีการแก้ไขในภายหลัง
อีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการ DIY ผนัง คือ “เพิ่มผิวสัมผัส สร้างความน่าสนใจให้ผนังห้อง” ผนังห้องที่สวยไม่จำเป็นต้องมีแค่สีพื้นเรียบเนียนอย่างเดียวเท่านั้น แต่การสร้างผิวสัมผัสให้แก่ผนังยังเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้ผนังดูน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยการสร้างผิวสัมผัสในปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้แปรงทาสีซีเมนต์ เพื่อให้เกิดเป็นผิวสัมผัสตามความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน โดยผ่านการสร้างลวดลายจากการสะบัดแปรงไปในทิศทางเดียวกัน หรือทิศทางตรงกันข้าม หรืออาจจะเป็นการใช้ลูกกลิ้ง และเกรียงทาที่ผนัง โดยเน้นทาให้มีร่องรอยของการฉาบ หรือมีพื้นผิวที่ไม่เรียบเท่ากันทั้งผืน เพื่อสร้างมิติให้แก่ผนังดูเท่ และมีลูกเล่นมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างลวดลายด้วยวิธีนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทางของช่าง หรือผู้เชี่ยวชาญในการทำ เพื่อให้งานออกมาสวยสมใจ
นอกจากการ DIY ผนังให้สวยงาม และโดดเด่นแล้ว การดูแลรักษาผนังให้สวยคงทนยาวนานก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการตกแต่งผนังมีหลากหลายประเภท ดังนั้น วิธีการดูแลรักษาจึงแตกต่างกันออกไป เช่น สำหรับผนังแบบเงา การเคลือบพื้นผิวผนังด้วยน้ำยาเคลือบเงาหลังจาก DIY เสร็จจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะทำให้ผนังมีสีสันสดใสมากขึ้นแล้ว ยังสามารถทำให้พื้นผนังคงทนมากขึ้นด้วย หรือหากเป็นผนังในลุคปูนดิบ การเคลือบผิวงานฉาบแบบด้านด้วยน้ำยาที่มีคุณสมบัติต้านการซึมผ่านของน้ำ (Water Repellent) หลังจาก DIY เสร็จ ก็สามารถช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราตะไคร่ และยังช่วยรักษาเนื้อของสีซีเมนต์ให้มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งบ้านสไตล์ลอฟต์ เทรนด์ สีที่มาแรงในปีนี้ คือ “สีไวน์แดง” หรือ “Marsala” ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงความแข็งแกร่งเป็นธรรมชาติแต่แฝงไว้ด้วยความงดงามน่าหลงใหล โดยการเลือกทาสีไวน์แดงในห้องนั้นจะต้องคำนึงถึงปริมาณการใช้เป็นหลัก เนื่องจากสีไวน์แดงเป็นสีเข้ม การตัดด้วยสีที่ฉูดฉาด หรือใช้ในบริเวณที่กว้างจนเกินไปอาจทำให้ห้องดูทึบไม่สดใส ดังนั้น จึงเหมาะแก่การทาแค่บางส่วนของห้องเพื่อสร้างความสวยงามและทันสมัยให้แก่ห้อง อย่างไรก็ตาม สีไวน์แดงสามารถนำไปใช้ได้กับทุกสไตล์ห้องภายในบ้าน อีกทั้งยังเข้าได้กับเฟอร์นิเจอร์ทุกประเภท ทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ เฟอร์นิเจอร์หนัง และเฟอร์นิเจอร์เหล็ก ที่มาช่วยสร้างความน่าสนใจผ่านการผสมผสานความดิบที่เรียบง่ายกับเสน่ห์ของสีน้ำตาลอมแดง ตอบโจทย์ความชื่นชอบให้แก่เจ้าของบ้านตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
การทาตกแต่งผนังด้วยสีซีเมนต์สามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก และสามารถเลือกใช้เทคนิคการ DIY ได้หลายวิธี และยังช่วยเสริมอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละห้องของบ้านให้มีความหลากหลาย และน่าอยู่มากขึ้นด้วย เปรียบเสมือนการเติมเสน่ห์ให้แก่ทุกๆ ห้องที่จะคงอยู่กับบ้านไปอีกนานแสนนาน