xs
xsm
sm
md
lg

ถอยเพื่อรุก ‘Walrus’ บุกเบิกบ้าน DIY สร้างได้ด้วยตัวเอง (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมื่อประเมินแล้วว่าธุรกิจร้านขายวัสดุก่อสร้างแบบโบราณไม่มีทางสู้กับโมเดิร์นเทรดได้ “พงษ์ธร ปัทมจินตธำรง” เลือกจะทิ้งอาชีพดั้งเดิมของครอบครัว หันมาบุกเบิกธุรกิจสร้างบ้านกึ่งสำเร็จรูป ลักษณะ DIY โดยพัฒนานวัตกรรม “ผนังสำเร็จรูป” ขึ้นเอง คุณสมบัติน้ำหนักเบา แข็งแรง และที่สำคัญ ช่วยให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่าย เสร็จได้ในเวลารวดเร็ว

นับเป็นความพยายามอันท้าทายอย่างยิ่งในการเปิดตลาดใหม่ในเมืองไทย ซึ่งผู้ประกอบการรายนี้กล้าพอจะลงมือทำ ภายใต้แบรนด์ “วอลรัส” (Walrus)
พงษ์ธร ปัทมจินตธำรง กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลรัส โฮม จำกัด
“บ้านผมเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่ จ.ราชบุรี มากว่า 30 ปี ผมเข้ามารับช่วงธุรกิจเมื่อปี 2546 และเห็นสถานการณ์นับวันจะถูกโมเดิร์นเทรดขายวัสดุก่อสร้างแย่งลูกค้าไปเรื่อยๆ ยอดขายของเราลดลงจากปีละ 80 ล้านบาทเหลือ 35 ล้านบาท กระทั่งมีนโยบายค่าแรง 300 บาท ทำให้งานก่อสร้างบ้านแต่ละหลังถูกลดค่าใช้จ่ายเรื่องวัสดุลงไปเพื่อชดเชยค่าแรงที่สูงขึ้น ทำให้กำไรของเราที่น้อยอยู่แล้วลดลงไปอีก ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการรายเล็กๆ อย่างเรา มีทางเลือกแค่จะสู้ต่อไป หรือจะไปเริ่มใหม่ ซึ่งผมเลือกจะเริ่มใหม่ในสนามที่คิดว่าเราสู้ได้” พงษ์ธรกล่าวนำ

เขาเสริมด้วยว่า เพื่อนๆ ในแวดวงทำร้านขายวัสดุก่อสร้างหลายรายเลือกจะสู้ในธุรกิจเดิม ยอมกู้เงินมาลงทุนปรับปรุงสถานที่ให้เป็นห้างค้าวัสดุก่อสร้างทันสมัย เพื่อหวังแข่งขันกับโมเดิร์นเทรด แต่ส่วนตัวมองว่า วิธีดังกล่าวเป็น “กับดัก” ทางธุรกิจ เพราะสุดท้ายแล้วลูกค้ายังนิยมไปโมเดิร์นเทรดมากกว่าอยู่ดี เพราะมีข้อได้เปรียบนานาประการ โดยเฉพาะราคาสินค้าถูกกว่า ส่วนคนที่ไปลงทุนแล้ว หากจะถอนตัวก็ทำได้ยาก เพราะทุนทั้งหมดถูกทุ่มลงไปหมดแล้ว

“ถ้าเป็นร้านโชวห่วยจะทำร้านให้ทันสมัยแข่งขันร้านค้าปลีกสมัยใหม่ก็ใช้ทุนประมาณ 1 ล้านบาท ในขณะที่การสร้างห้างค้าวัสดุก่อสร้างทันสมัยต้องลงทุนหลัก 100 ล้านบาทขึ้นไป แม้ว่าจะสวยขึ้น น่าเข้ามาเดิน แต่ปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสุดท้ายคือ “ราคาถูก” อยู่ดี ซึ่งโมเดิร์นเทรดขายวัสดุก่อสร้างมีข้อได้เปรียบ เพราะเขามีทุนมากและมีสาขาหลายแห่ง เวลาซื้อสินค้าจากผู้ผลิต อย่างไรเสียก็ได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่า ในขณะที่คนที่ยอมกู้เงินมาลงทุน หากคิดจะถอนตัวก็ทำไม่ได้ เพราะลงทุนไปแล้วหลัก 100 ล้านก็ต้องทนสู้ต่อไป ทั้งๆ ที่มองในอนาคตก็แทบไม่มีหวัง ผมถึงบอกว่ามันเป็น “กับดัก” ทางธุรกิจ” เขาแจกแจง


“ผนังสำเร็จรูป” ที่แบรนด์ วอลรัส พัฒนาขึ้นเอง
เมื่อจะคิดสร้างธุรกิจใหม่ เขาย้อนกลับมาดูจุดแข็งของตัวเอง อยู่ที่ความชำนาญในวงการก่อสร้าง ควบคู่กับมองเทรนด์สร้างบ้านทั่วโลก มุ่งตรงไปที่ความสะดวกรวดเร็ว แข็งแรงปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น แนวคิดธุรกิจใหม่จึงมุ่งตรงตอบเทรนด์ดังกล่าว

“ผมคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้คนได้บ้านตามเทรนด์นี้ เลยศึกษานวัตกรรมสร้างบ้านทั่วโลก พบระบบการสร้างบ้านสำเร็จรูปที่นิยมในสหรัฐฯ และยุโรป โดยเป็น “ผนังฉนวนสำเร็จรูป” เป็นความรู้ที่ใช้มากว่า 60 ปี ลักษณะสร้าง DIY เพื่อมาแก้ปัญหาค่าแรงงานสูง ขั้นตอนสร้างบ้านเป็นระบบ PRE-FAB (มาจาก Prefabricated Building System หมายถึงระบบการก่อสร้างที่วางแผนการสร้างไว้ล่วงหน้า โดยมักจะมีวิธีการลดขั้นตอนในบางเรื่อง...เพื่อให้การทำงานเสร็จเร็วขึ้น) แค่นำผนังแต่ละส่วนมาต่อประกอบกันเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ส่วนในประเทศไทยนวัตกรรมนี้ยังไม่แพร่หลายนัก ผมเลยเห็นโอกาสที่จะมาทำธุรกิจนี้” เขากล่าว
จุดเด่นทำเป็นสำเร็จรูปจากโรงงาน นำไปประกอบได้ที่หน้างานทันที
เบื้องต้นชักชวนเพื่อนๆ 4 คนมาร่วมหุ้นเปิดบริษัท วอลรัส โฮม จำกัด โดยวิจัยและพัฒนา “ผนังสำเร็จรูป” ของตัวเอง กว่าจะสำเร็จใช้เวลา 2 ปี งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท โดยเป็นผนังฉนวนรับแรงเฉือนที่ให้ผิวสัมผัสเป็นคอนกรีต วัสดุตรงส่วนกลางทำจาก “โฟม EPS” ซึ่งเป็นโฟมหนาแน่นสูง และป้องกันไฟลาม ด้านผิวนอกเคลือบด้วย “ซีเมนต์เสริมแรง” คุณสมบัติเด่น มีน้ำหนักเบามาก แค่ประมาณ 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร เบากว่าอุปกรณ์ก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนถึง 5-14 เท่า (แล้วแต่ชนิดอิฐ) ช่วยให้เคลื่อนย้ายง่าย ประหยัดเวลาและแรงงาน
คุณสมบัติเด่น มีน้ำหนักเบามาก แค่ประมาณ 25กิโลกรัมต่อตารางเมตร  เบากว่าอุปกรณ์ก่อสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนถึง 5-14 เท่า
ตัวอย่างบ้านที่ต่อเติมด้วยวัสดุชนิดนี้
ส่วนความแข็งแรง จากการทดสอบที่สถาบันยานยนต์ รับน้ำหนักได้กว่า 1.5 ตันต่อตารางเมตร สร้างสูงได้ถึงระดับอาคาร 5 ชั้น ป้องกันได้ทั้งแผ่นดินไหวและน้ำท่วม รวมถึงยังลดความร้อนจากภายนอกได้กว่า 10 องศาเซลเซียส นอกจากนั้น ยังใช้ทำบ้านได้ทั้งหลัง ตั้งแต่ผนัง ฐานพื้น และหลังคา
นำไปทดสอบความแข็งแรง
การสร้างบ้านนั้น พงษ์ธรอธิบายให้ฟังว่า ในต่างประเทศจะใช้วิธีนำผนังแต่ละแผ่นมาติดประกบกันเท่านั้น แต่วอลรัสพัฒนาให้เหมาะกับความเชื่อมั่นเรื่องความแข็งแรงของคนไทย โดยทำเป็น “รางเหล็ก” ตามโครงสร้างบ้าน วิธีการแค่นำผนังแผ่นที่ทำสำเร็จรูปแล้วจากโรงงานเข้าสไลด์ไปตามรางเหล็กแล้วประกบติดกัน แต่ละแผ่นมี “สลัก” เชื่อมกันได้พอดี โดยนวัตกรรมนี้จดสิทธิบัตรด้านการต่อประกอบไว้แล้ว
เราไม่ใช่ชาวบ้านบางระจันที่ต้องยอมสู้จนตัวตาย แต่เราเป็นคนทำธุรกิจ ถ้าประเมินรอบด้านแล้วว่า สู้ไปก็ไม่รอด เราถอยมาเริ่มใหม่ดีกว่าไหม เอาความสามารถมามองหาธุรกิจอื่นๆ ที่เรามีโอกาสน่าจะดีกว่า”
เขายืนยันว่า วิธีดังกล่าวสำหรับสร้างบ้านขนาดเล็ก 4x8 เมตร สามารถประกอบเสร็จในเวลาไม่เกิน 40 นาที และหากเป็นผู้ชำนาญ ใช้เวลาประกอบแค่ไม่ถึง 15 นาทีด้วยซ้ำ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เช่น การตกแต่งภายใน ฝังท่อน้ำ เดินสายไฟ ทาสี ติดเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ สามารถทำได้เหมือนกับบ้านที่ก่อสร้างแบบปกติทุกประการ
วางโครงเหล็ก
แสดงขั้นตอนการประกอบบ้าน

แบบบ้านตัวอย่าง
ทั้งนี้ บ้าน DIY “วอลรัส” เปิดตัวเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา มีบริการครบวงจรตั้งแต่ต้นจนเสร็จ ตั้งแต่ออกแบบ ติดตั้ง ประกอบ และตกแต่งภายใต้ ในราคา 12,000 บาทต่อตารางเมตร (เฉพาะค่าออกแบบ กับก่อสร้างเสร็จ ยังไม่รวมค่าตกแต่งภายใน) เน้นรับสร้างเฉพาะลูกค้าเป็นรายๆ โดยมีบ้านต้นแบบให้เลือก 6 แบบ หรือลูกค้าจะสั่งให้ออกแบบพิเศษก็ได้

“ความตั้งใจเริ่มแรก ผมต้องการจะขายเป็นลักษณะอุปกรณ์เท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าที่อยากมีบ้านซื้อไปประกอบเองเลย เหมือนระบบบ้าน DIY ในต่างประเทศ แต่ในความเป็นจริง สำหรับตลาดคนไทยแล้วยังคิดว่าการสร้างบ้านเป็นเรื่องยากและไกลตัว รวมถึงยังต้องการที่ปรึกษาในการสร้าง ดังนั้นเราเลยมาปรับธุรกิจ โดยให้บริการครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบให้ โดยมีบ้านตัวอย่าง 6 แบบให้ดูเป็นไอเดีย แล้วจัดสร้างให้ รวมถึง ตกแต่งให้” เจ้าของธุรกิจเสริม

เขาเผยด้วยว่า ราคาการจัดสร้างแบบวอลรัสหากเทียบกับการสร้างบ้านด้วยวัสดุปกติ เช่น อิฐ หิน ดิน ทราย ฯลฯ ต้นทุนใกล้เคียงกันมาก แต่เมื่อมองในระยะยาว บ้านที่สร้างด้วยผนังสำเร็จรูปจะช่วยประหยัดเรื่องค่าพลังงานไฟฟ้า เพราะลดการใช้เครื่องปรับอากาศไปมาก


ตั้งเป้าในอนาคตทำเป็นอุปกรณ์ขายตามร้านวัสดุก่อสร้างที่ผู้ใช้หาซื้อไปสร้างบ้านตัวเอง
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก เน้นคนต้องการสร้างบ้านตามต่างจังหวัด ซึ่งมี “ที่ดิน” ของตัวเอง รวมถึงรีสอร์ต และร้านกาแฟ ที่ต้องการสิ่งปลูกสร้างสะดวกรวดเร็ว ส่วนในกรุงเทพฯ มุ่งเจาะกลุ่ม “ต่อเติม” บ้าน เพราะคุณสมบัติน้ำหนักเบา และไม่ต้องยึดกับโครงสร้างเดิม ทำให้ไม่เกิดการทรุดตัวเหมือนการต่อเติมบ้านทั่วๆ ไป รวมถึงมาแก้ปัญหางานก่อสร้างขนาดเล็กที่มักหาช่างทำได้ยาก
ตัวอย่างงานต่อเติม ที่บริษัทแห่งนี้ เคยไปทำมาแล้ว
“ปัจจุบันอาจจะมีผู้ผลิตผนังสำเร็จรูปหลายราย ทั้งของในประเทศไทย และสินค้านำเข้า แต่ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติเหมือนที่ผนังวอลรัสทำ และผมกล้าพูดว่าเราเป็นรายแรกและรายเดียวในปัจจุบันให้บริการทำบ้านระบบ PRE-FAB ด้วยวัสดุผนังฉนวน และด้วยตลาดที่ยังโตไปได้ ทำให้ผมมั่นใจว่าแม้จะมีผู้เล่นในตลาดอยู่หลายราย แต่ด้วยเทรนด์การสร้างบ้านของโลกที่มุ่งไปที่ความประหยัด และผมเชื่อว่าคนไทยจะหันมาสร้างบ้านเองมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดนี้มีอนาคต ประกอบกับเราที่สร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น มันเป็นตลาดใหม่ที่ผู้เล่นทุกคนจะเติบโตไปได้” เขากล่าว

ส่วนความท้าทายในธุรกิจนี้ เขาบอกว่า เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่ ต้องอาศัยการอธิบายต่อลูกค้าสูงมาก โดยเฉพาะเรื่องสร้างความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมาได้รับงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเริ่มแรกได้รับเฉพาะงานเล็กๆ แต่หลังมีการบอกต่อ ปัจจุบันได้ก่อสร้างงานขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ และในหลายองค์กรที่มีชื่อเสียง

ส่วนเป้าหมายระยะยาว อยากจะทำผนังสำเร็จรูปแบรนด์ “วอลรัส” ให้กลายเป็นสินค้าที่ขายทั่วไปตามร้านวัสดุก่อสร้าง ทุกคนรู้จักคุ้นเคยดี สามารถเข้ามาซื้อแล้วนำไปสร้างบ้านได้เองเป็นเรื่องปกติ

และเมื่อถึงจุดนั้น จะช่วยให้ธุรกิจก้าวข้ามจากแค่รับจ้างสร้างบ้านไปสู่ผู้ผลิตสินค้าผนังสำเร็จรูป ช่วยให้มีที่ยืนของตัวเองชัดเจน และคงเป็นบทพิสูจน์ความคิดที่ยอมทิ้งธุรกิจเดิมมาเริ่มต้นใหม่ว่า เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว

“เวลาผมคุยกับเพื่อนที่ยังทำร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ ผมมักจะบอกให้เขาประเมินว่า สู้แล้วยังโตไปได้ไหม หรือสู้เต็มที่แล้วก็ยังทำได้แค่เสมอตัว หรือลงอย่างช้าๆ แบบนี้ก็อย่าไปสู้เลย เราไม่ใช่ชาวบ้านบางระจันที่ต้องยอมสู้จนตัวตาย แต่เราเป็นคนทำธุรกิจ ถ้าประเมินรอบด้านแล้วว่าสู้ไปก็ไม่รอด เราถอยมาเริ่มใหม่ดีกว่าไหม เอาความสามารถมามองหาธุรกิจอื่นๆ ที่เรามีโอกาสน่าจะดีกว่า” เขาทิ้งท้าย





ตัวอย่างบ้านที่ต่อเติมด้วยวัสดุชนิดนี้


ติดต่อธุรกิจ โทร.08-1870-4706 หรือ FB:Walrus Smart Home



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *


กำลังโหลดความคิดเห็น