“คลัง” ติวเข้ม พ.ร.บ.ทวงหนี้ พ.ศ.2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เพื่อให้พนักงานสถาบันการเงิน และบริษัทติดตามหนี้ปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง เพราะหากมีพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม หรือเอาเปรียบเหมือนในอดีต มีสิทธิเจอโทษขั้นรุนแรง ทั้งอาญา และจำคุก ยอมรับยังมีการทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม ทำเกินกว่าเหตุ และกรอบที่ กม.กำหนด
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้จัดบรรยายสาระสำคัญของ พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ให้แก่เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน และบริษัทติดตามหนี้เพื่อให้เข้าใจรายละเอียดของกฎหมายใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เนื่องจากการทวงหนี้ยังไม่เป็นธรรม และทำเกินกว่าเหตุเกินกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้มีโทษทั้งปรับทั้งจำ
ทั้งนี้ บริษัททวงถามหนี้ที่ถูกต้องจะต้องมาขอจดทะเบียนต่อกระทรวงการคลัง และการดำเนินการทวงถามหนี้ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือมอบอำนาจจะต้องแจ้งชื่อ นามสกุล ให้แก่ผู้ถูกทวงถามหนี้อย่างชัดเจน และการทวงถามทำได้ช่วง 08.00-20.00 น. ในวันทำงานปกติ ส่วนวันเสาร์ และอาทิตย์ ทวงถามได้ 08.00-18.00 น.เท่านั้น
นอกจากนี้ กฎหมายยังห้ามการทวงถามหนี้ เช่น การข่มขู่ ใช้ความรุนแรง การประจานให้ลูกหนี้เสียหาย หรือเกิดการอับอายต่อคนอื่น
สำหรับบทลงโทษ กฎหมายให้มีการตั้งคณะกรรมการกับกำดูแลการทวงถามหนี้ หากผู้ทวงถามหนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับจะมีความผิดทางปกครองปรับเป็นเงินไม่เกิน 1 แสนบาท ขึ้นอยู่ต่อการพิจารณาของคณะกรรมการ
ขณะเดียวกัน ยังมีความผิดทางอาญา ปรับตั้งแต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท จนถึงไม่เกิน 5 แสนบาท รวมถึงมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน จนถึงไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำและปรับ ขึ้นอยู่กับการกระทำความผิดในข้อห้ามส่วนไหน
สำหรับการจัดสัมมนาฯ ก็เพื่อต้องการให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดการทำผิดกฎหมาย เนื่องจากมีโทษรุนแรง และมีเป้าหมายที่ต้องการให้ผู้ถูกทวงหนี้ได้รับการปฏิบัติจากผู้ทวงหนี้อย่างยุติธรรม ไม่ได้ถูกข่มขู่ หรือเอาเปรียบเหมือนที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา