JSP รุกอสังหาฯ เต็มสูบ เตรียมเปิด 3 โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท ที่แพรกษา รังสิต คลอง 1 และบางบัวทอง คาดปี 58 รับรู้รายได้ 4,364 ล้านบาท จาก Backlog 6,435 ล้านบาท
นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้พัฒนาโครงการ “สำเพ็ง 2” เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานว่า บริษัทมีนโยบายในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยใช้กลยุทธ์ Blue Ocean Strategies ซึ่งถือเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีทั้งเชิงพาณิชย์ และที่พักอาศัยอยู่ในโครงการเดียวกัน มีสัดส่วนของการพัฒนาเพื่อขายขาย และให้เช่า ซึ่งปัจจุการเช่าสร้างรายได้อยู่ที่ 5% ของรายได้ทั้งหมด โดยแต่ละโครงการจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เน้นทำเลศักยภาพทั่วทุกมุมเมือง พร้อมทั้งเน้นระบบสาธารณูปโภคที่ครบครันในโครงการทั้งถนนขนาดใหญ่ และที่จอดรถจำนวนมาก มีรูปแบบการพัฒนาอสังหาฯ ในเชิงพาณิชย์ และที่พักอาศัยเกื้อกูลกันทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่าย
โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้า บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการที่แพรกษา จ.สมุทรปราการ บนเนื้อกว่า 218 ไร่ ซึ่งอยู่บนเส้นทางโมโนเรลสายสมุทรปราการ-สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะมีสถานีด้านหน้าโครงการ โดยจะพัฒนาในรูปแบบผสมผสาน ประกอบไปด้วย ตลาดสด พลาซา อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ไม่เกิน 8 ชั้น ซึ่งราคาขายทาวเฮาส์จะอยู่ที่ประมาณ 1.5- 2 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการดังกล่าวในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
2. โครงการในย่านรังสิต คลอง 1 อยู่ห่างจากโครงการ “ทาวน์ชิป” ของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เพียง 200 เมตร ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 140 ไร่ บริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นสำเพ็ง รังสิต รูปแบบคล้ายโครงการสำเพ็ง 2 เป็นอาคารพาณิชย์ ราคาขายราว 4 ล้านบาทต่อยูนิต นอกจากนี้ ยังมีทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท กำหนดเปิดขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
และโครงการที่ 3 เป็นโครงการในย่านบางบัวทอง บนเนื้อที่ 90 ไร่ มูลค่าโครงการราว 4,000 ล้านบาท อยู่ห่างจากวัดเล่งเน่ยยี่ 2 เพียง 200 เมตร ซึ่งเป็นตลาดเก่า โดยบริษัทจะพัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาเป็นตลาดน้ำ 100 ปีบางบัวทอง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาทำบัญที่วัดเล่งเน่ยยี่ได้มาเดินเลือกซื้อสินค้า รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วไป เนื่องจากที่ดินดังกล่าวติดคลองที่มีความกว้างถึง 30 เมตร จึงมีแนวคิดที่จะทำตลาดน้ำดังกล่าว โดยจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1 ปี 2559
นอกจากทั้ง 3 โครงการดังกล่าวแล้ว บริษัทมีได้ซื้อที่ดิน จำนวน 75 ไร่ ตรงข้างโรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา โดยเบื้องต้น มีแผนจะพัฒนาเป็นอาคารพาณิชย์ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ รวมถึงร้านของฝาก ขนม ร้านค้าโอทอป โดยอาจมีปั๊มน้ำมันเพื่อเป็นจุดจอดแวะซื้อของ รองรับนักท่องเที่ยวที่มานมัสการหลวงพ่อโสธร และสถานที่อื่นๆ ได้มาแวะซื้อของฝากก่อนกลับกรุงเทพฯ คาดว่าจะมีมูลค่าโครงการราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างวางแผนโครงการ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการได้ประมาณปี 2559
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ที่ 4,364 ล้านบาท เติบโต 150% จากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ 2,613.10 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 247 ล้านบาท เติบโต 252% จากช่วงเดียวกันในปี 2557 และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 50% ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมาทั้งปีซึ่งอยู่ที่ 34.30% และในส่วนของฐานะทางการเงิน บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.63 เท่า ซึ่งบริษัทมีนโยบายในการรักษา D/E ไม่ให้สูงกว่า 1.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 นี้ จะมีรายได้จะเติบโตจากไตรมาสแรกจากการโอนกรรมสิทธิ์สำเพ็ง 2 เฟสที่ 3 และ 4 รวมทั้งจากโครงการทิวลิป สแควร์ ในส่วนของอาคารพาณิชย์ โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 6,434 ล้านบาท ที่สามารถโอนได้ในปีนี้ จำนวน 3,533 ล้านบาท และโอนได้ในปี 2559 อีก 2,901 ล้านบาท