“เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้” พัฒนาโครงการ “สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์” มูลค่ากว่า 7.5 พันล้านบาท เป็นอาณาจักรค้าปลีกและค้าส่งแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในย่านฝั่งธนบุรี เตรียมเปิดเฟสแรกบนถนนกัลปพฤกษ์ มุ่งหน้าถนนสาทร บนพื้นที่ 62 ไร่ หลังขายพื้นที่โครงการและรับโอนชำระครบแล้ว เผยผู้ประกอบการจากสำเพ็งแห่ร่วมโครงการกว่า 50% เตรียมอัดงบ 70 ล้านบาทเร่งโปรโมตรอบด้าน พร้อมดึงทัวร์จีนร่วมชอปในโครงการ
นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “JSP” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบ (Commercial Low Rise) เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มิ.ย. ศกนี้ บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวโครงการ “สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์” เฟสแรก (ฝั่งซ้ายถนนกัลปพฤกษ์ มุ่งหน้าถนนสาทร) ซึ่งถือเป็นอาณาจักรค้าปลีกและค้าส่งแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในย่านฝั่งธนบุรี มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์จำนวน 512 ยูนิต บนพื้นที่ 62 ไร่ แบ่งเป็นอาคารพาณิชย์ความสูง 4 ชั้นสำหรับขายขาด จำนวน 475 ยูนิต และอาคารพาณิชย์ความสูง 3 ชั้นสำหรับจัดสรรพื้นที่ให้เช่า จำนวน 37 ยูนิต พร้อมอาคารที่จอดรถจำนวน 4 พันคัน
โครงการ “สำเพ็ง 2 สาทร-กัลปพฤกษ์” มีพื้นที่โครงการรวมทั้งหมดกว่า 200 ไร่ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม7,564 ล้านบาท เน้นการก่อสร้างและตกแต่งด้วยเอกลักษณ์และสถาปัตยกรรมจีน ประกอบด้วยศูนย์รวมแหล่งชอปปิ้ง คอมมูนิตีมอลล์ และตลาดน้ำ มีจุดเด่นด้านการเดินทางที่สะดวกสบายเชื่อมโยงการคมนาคมหลายเส้นทาง เช่น ถนนพระราม 2 ถนนกาญจนาภิเษก ถนนสาทร และวงเวียนใหญ่ โดยภายในโครงการยังมีถนนขนาดความกว้าง 17-20 เมตร
ส่วนการพัฒนาโครงการเฟส 2 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในวันที่ 5 ธ.ค.ศกนี้ ตั้งบนฝั่งขวาของถนนกัลปพฤกษ์ มุ่งสู่ถนนกาญจนาภิเษก บนเนื้อที่กว่า 70 ไร่ แบ่งเป็น 4 โซนหลัก ประกอบด้วย โซนอะเวนิว เป็นโซนอาคารพาณิชย์, โซนตลาดน้ำ เป็นอาคารชั้นเดียวแบ่งให้เช่าภายใต้แนวคิดตลาดน้ำ 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ตัวอาคารถูกออกแบบภายใต้สถาปัตยกรรมจีน รองรับผู้ประกอบการได้ถึง 300 ราย, โซนสำเพ็งปาร์ก เพื่อตอบโจทย์คนซื้อสินค้าที่มีความสะดวกสบาย และโซนร้านค้าขายส่ง (สำเพ็ง-ประตูน้ำ) จำลองแนวคิดแบบ Walking Street จากแหล่งชอปปิ้งของเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทางเดินในร่มกว้าง 8 เมตร เพื่อความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า
นายทนงศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ขายพื้นที่โครงการและได้รับการโอนชำระจากผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว แบ่งเป็นจำนวนเงิน 800 ล้านบาทในปี 2556 จากนั้นได้รับการโอนชำระเพิ่ม 2.6 พันล้านบาทในปี 2557 และคาดว่าจะได้รับเพิ่มอีก 4 พันล้านบาทในปี 2558 คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 80% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่า 4 พันล้านบาทในปี 2558 เติบโตกว่า 150% จากปี 2557 ซึ่งมีรายได้ 2,613.10 ล้านบาท โดยผลประกอบการในไตรมาส 1/58 มีกำไรสุทธิกว่า 247 ล้านบาท เติบโตขึ้น 252% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
“สำหรับผู้ซื้อและเช่าพื้นที่โครงการส่วนใหญ่มากกว่า 50% เป็นผู้ประกอบการคนไทยเชื้อสายจีนที่ดำเนินธุรกิจในย่านสำเพ็ง ถ.จักรวรรดิอยู่แล้ว โดยผู้ประกอบการบางรายมีการซื้อพื้นที่มากถึง 8-10 คูหา เนื่องจากเชื่อมั่นในจุดเด่นของโครงการด้านความสะดวกเรื่องการเดินทางและสถานที่จอดรถ โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการเริ่มเปิดจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ แล้วประมาณ 70%”
นายทนงศักดิ์กล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากนี้บริษัทฯ เตรียมใช้งบประมาณกว่า 80 ล้านบาทในการดำเนินกิจกรรมการตลาดและสร้างการรับรู้ให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาจับจ่ายสินค้าในโครงการมากขึ้น โดยนอกจากการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ภาษาไทยและจีนแล้ว ยังมีการติดตั้งป้ายคัตเอาต์โฆษณาขนาดใหญ่ 10 จุด ป้าย LCD ขนาดใหญ่ 20 จุด และป้าย LCD ขนาดเล็ก 80 จุด บนถนนสายหลักและสายรองทั้งในกรุงเทพฯ และชานเมือง โดยในอนาคตอันใกล้ยังมีแผนติดต่อคณะนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยภายในโครงการฯ เพื่อให้มีจำนวนลูกค้าเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ 5 พันคนต่อวัน