xs
xsm
sm
md
lg

หอบ30ล้านเผ่น ศิษย์แฉเบื้องลึก"พ่อคูณ"ไล่"พระนุช" เตรียมตรวจทรัพย์สิน25พ.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภาคอีสาน-ลูกศิษย์ใกล้ชิดแฉ "พระนุช" ถูก "หลวงพ่อคูณ" ไล่ออกออกจากวัดบ้านไร่ พร้อมเงิน 30 ล้าน วัตถุมงคล 1 คันรถสิบล้อ เผยลั่นวาจา "กูกับไอ้นุชแยกแผ่นดินกันอยู่" ด้าน "พระราชสีมาภรณ์"เผยคณะกรรมการเตรียมตรวจสอบทรัพย์สินหลวงพ่อคูณ วันที่ 25 พ.ค.นี้ เผยเบื้องต้นพบบัญชีเงินฝากหลายสิบล้าน เงินกองทุน มูลนิธิอีกกว่า 200 ล้าน มข.จัดทำอ่างดองสรีระสังขารแบบเรียบง่าย แต่สมเกียรติ ย้ำดองร่าง 1 ปี เป็นอาจารย์ใหญ่ 2 ปี ก่อนจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพในปี 61

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 พ.ค.) ลูกศิษย์ใกล้ชิดพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) รุ่นบุกเบิกที่ร่วมก่อสร้างพัฒนาวัดบ้านไร่ เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกศิษย์ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อคูณ มาตั้งแต่สมัยยุคเริ่มแรก หลังจากหลวงพ่อย้ายจากวัดสระแก้ว อ.เมือง จ.นครราชสีมา มาอยู่ที่วัดบ้านไร่ และตนได้มารู้จักกับพระนุช หรือพระภาวนาประชานารถ (นุช รตนวิชโย) ซึ่งขณะนั้นยังไม่บวชเป็นพระ รวมทั้งกำนันป่อง หรือนายธวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ กำนันตำบลพิพาน คนปัจจุบัน ซึ่งอดีตเคยทำงานอยู่โรงงานปั๊มพระเครื่อง และเป็นคนขายล็อตเตอรี่ในวัดบ้านไร่ แต่โชคดีขายล็อตเตอรี่ไม่หมดจึงถูกรางวัลที่ 1 ทำให้มีเงินไปลงสมัครรับเลือกตั้งจนได้รับเลือกตั้งเป็นกำนันมาจนปัจจุบัน ส่วนพระนุช ก็เคยทำงานอยู่ในโรงงานปั้มพระมาก่อน จึงรู้จักและสนิทสนมกันกับกำนันป่อง เป็นอย่างดี จึงนับได้ว่าทั้งสองได้กลับมาร่วมงานกันอีกรอบกับการช่วงชิงได้รับแต่งตั้งมาเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ทันที ในวันเดียวกับที่หลวงพ่อคูณ มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา

ในสมัยแรกเริ่มนั้น ลูกศิษย์ที่มารับใช้หลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่มีไม่มากนัก เมื่อตนเข้ามาก็ทราบว่า บัญชีการรับบริจาคและเงินทำบุญของวัดทั้งหมดหลวงพ่อเป็นผู้ดูแลโดยนำเงินเข้ากองกลางวัดบ้านไร่ ต่อมาพระนุช ขอแยกบัญชีรายได้จากวัตถุมงคลออกไปต่างหากและขอเป็นผู้ดูแลจัดการเองทั้งหมด ซึ่งตนเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะเงินทุกอย่างเป็นของหลวงพ่อคูณและวัดบ้านไร่ ต้องนำมารวมเป็นบัญชีเดียวกัน โดยเฉพาะช่วงนั้นมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามาเช่าวัตถุมงคลเป็นจำนวนมาก มีรายได้ค่าเช่าเฉลี่ยสัปดาห์ละ 5-6 ล้านบาท

ส่วนเงินบริจาคของหลวงพ่อ จะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมานับเงินและฝากเข้าบัญชีที่วัดบ้านไร่แบบวันต่อวัน ช่วงนั้นจำได้ว่ามี 2 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ซึ่งถือว่าเป็นยุคที่มีรายได้เข้าวัดบ้านไร่เป็นจำนวนมหาศาล เฉพาะเงินบริจาคทำบุญไม่ต่ำกว่าวันละหลายแสนบาทถึง 1 ล้านบาท ซึ่งนำมากองจนเต็มห้องกุฏิหลวงพ่อคูณเพื่อร่วมกันนับทุกวัน ขณะนั้นหลวงพ่อคูณจะมีเงินเข้าออกไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท

**ไล่พ้นวัดพร้อมเงิน30ล้าน-วัตถุมงคล1สิบล้อ

สำหรับหลวงพ่อคูณ กับพระนุช ในช่วงที่ตนเข้ามา ทราบว่า พระนุชไม่พอใจและมักพูดอยู่เป็นประจำว่า หากไม่มีพระนุชก็ไม่มีหลวงพ่อคูณในวันนี้ และมักต่อว่าหลวงพ่อคูณในเรื่องต่างๆ นานา เช่น ไม่พอใจที่หลวงพ่อรับเงินถวายทำบุญจากญาติโยมเพียงครึ่งเดียว และขอแยกบัญชีเช่าวัตถุมงคลมาดูแลเองต่างหาก โดยเฉพาะในช่วงการก่อสร้างอุโบสถและศาลาการเปรียญวัดบ้านไร่แบบ 2 ชั้น แบบคอนกรีตเสริมเหล็กราวปี 2532-2533 ที่มีเงินจากประชาชนมาทำบุญจำนวนมากและมีการทำวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณมาใช้เช่าอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นจุดแตกหัก ทำให้หลวงพ่อคูณ ตัดสินใจไล่พระนุช ออกจากวัดบ้านไร่ หลังเสร็จสิ้นพิธีฝังลูกนิมิตสร้างอุโบสถวัดบ้านไร่ 2 ชั้นดังกล่าว

ในวันนั้นหลวงพ่อคูณ ได้ลั่นวาจาประกาศว่า "กูกับไอ้นุชแยกแผ่นดินกันอยู่" ก่อนไล่ออกจากวัดบ้านไร่ไป พร้อมให้นำเงินที่ได้จากงานฝั่งลูกนิมิตทั้งหมดกว่า 30 ล้านบาท รวมทั้งให้ขนเอาวัตถุมงคลที่พระนุช จัดทำขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงนั้นไปทั้งหมดด้วย ซึ่งจำได้ว่าวัตถุมงคลดังกล่าวมีเป็นจำนวนมากถึงขั้นต้องนำรถบรรทุกสิบล้อมาขนออกไปและนับตั้งแต่นั้นมาพระนุช ก็ไม่เคยได้กลับเข้ามาที่วัดบ้านไร่อีกเลย ทราบข่าวเพียงว่า พระนุช ไปใช้เงินที่ได้จากหลวงพ่อคูณ อยู่ประมาณ 3-4 ปีก่อนไปบวชอยู่ที่วัดบ้านเกิดใน อ.คง จ.นครราชสีมา

จากนั้น ตนก็ไม่ทราบข่าวอีกกระทั่งมาทราบอีกครั้งเมื่อเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่าเป็นเจ้าอาวาสสร้าง "โถส้วมทองคำ" ที่วัดหนองบัวทุ่ง ต.ตาจั่น อ.คง จ.นครราชสีมา และมาอยู่ประจำที่วิหารหลวงปู่โต หรือมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ มูลนิธิหลวงพ่อโต ที่รู้จักกันในนาม "วัดสรพงศ์ ชาตรี" อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ประมาณ 3 ปีก่อนได้เข้ามารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ทันที ในวันที่หลวงพ่อคูณมรณภาพ

**"พ่อคูณ"เป็นพระผู้ให้มีเงินเท่าไรบริจาคหมด

ลูกศิษย์คนเดิม กล่าวอีกว่า หลังจากพระนุช ออกจากวัดบ้านไร่ไปบัญชีวัดบ้านไร่ ทุกอย่างก็มารวมอยู่ที่เดียวและหลวงพ่อคูณ มีอำนาจในการเบิกจ่ายคนเดียว ในช่วงนั้นได้มีการตั้งกองทุน มูลนิธิและนำเงินไปช่วยเหลือสาธารณประโยชน์หลายอย่าง ซึ่งเมื่อมีเงินมากพอหลวงพ่อ ก็มักบริจาคทำบุญ สร้างสาธารณประโยชน์โดยตลอด ไม่เก็บสะสมไว้ แม้แต่ไม่มีเงินก็ยังบริจาคทั้งการก่อสร้างโรงเรียน วิทยาลัย โรงพยาบาล รั้วโรงเรียน สถานที่ราชการ และแหล่งน้ำ รวมแล้วตามข้อมูลที่บันทึกวันในหนังสือรวมรวมประวัติหลวงพ่อคูณในโอกาสอายุปี 77 ปี 4 ต.ค.2543 เป็นเงินกว่า 4,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อคูณ ท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบงานไม้มาก มีผู้มาบริจาคโต๊ะ เก้าอี้ ไม้ ให้กับหลวงพ่อที่วัดบ้านไร่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งชุดโต๊ะมุกขนาดใหญ่ด้วย แต่ขณะนี้ไม่เห็นโต๊ะมุกชุดนั้นอยู่ในวัดบ้านไร่เลยไม่ทราบว่าหายไปไหน ทราบเพียงว่าไปอยู่บ้านเศรษฐีคนหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งอยากให้มีการติดตามกลับมาเป็นทรัพย์สินของวัดบ้านไร่

นอกจากนี้ ในช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อคูณ ตนทราบว่าผู้ที่จะทำการสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ ต้องขอใบอนุญาตจากทางวัดบ้านไร่ และต้องจ่ายเงินสูงถึงใบละ 2 ล้านบาท อยากถามว่าเงินส่วนนี้เข้าวัดบ้านไร่หรือไม่ และหายไปไหน เพราะมีการมาขอใบอนุญาตกันจำนวนมาก

***ตั้งกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน

วันเดียวกันนี้ พระราชสีมาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ของหลวงพ่อคูณ และวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งแต่งตั้งโดยพระราชวิมลโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการตรวจสอบว่า ตนได้หารือกับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องแล้ว และตกลงกันว่าคณะกรรมการทั้งหมดจะเดินทางไปที่วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค.นี้ โดยทางคณะกรรมการได้ส่งหนังสือแจ้งไปผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทรัพย์สินต่างๆ ให้เตรียมเอกสารหลักฐานไว้ชี้แจงกับคณะกรรมการแล้ว

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นทราบว่า ทรัพย์สินของวัดบ้านไร่มีบัญชีเงินฝากธนาคารอย่างน้อย 5 บัญชี มียอดเงินรวมกันจำนวนหลายสิบล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน ในการตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงพ่อคูณ และวัดบ้านไร่

นายธวัช เรืองหร่าย รักษาการไวยาวัจกรวัดบ้านไร่และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจลงนามเบิกเงินของวัดบ้านไร่หลายบัญชี กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินวัดบ้านไร่และหลวงพ่อคูณ เป็นเรื่องที่ดี ตนและกรรมการวัดบ้านไร่ พร้อมชี้แจงบัญชีทรัพย์สินในส่วนที่ตนรับผิดชอบทั้งหมดในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ส่วนเรื่องข่าวมีการตั้งกรรมการวัดบ้านไร่ชุดใหม่แล้วนั้น ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้และไม่รู้รายละเอียดตรงนั้น

**พบทรัพย์สินในนามกองทุน-มูลนิธิ200ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทรัพย์สินวัดบ้านไร่และหลวงพ่อคูณ ในส่วนที่มีการดำเนินการจัดตั้งเป็นกองทุนและมูลนิธิต่างๆ นั้น เบื้องต้นจากข้อมูลในหนังสือรวบรวมประวัติ ศาสนกิจ และการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" ที่ศิษยานุศิษย์ ได้จัดทำขึ้นในโอกาสครบรอบวันเกิด 77 ปี จัดพิมพ์เมื่อเดือนต.ค.2543 พบว่า หลวงพ่อคูณ มีเมตตาจัดตั้งกองทุนและมูลนิธิขึ้นเป็นจำนวนมาก และดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือทุกด้าน ทั้งการศึกษา สาธารณสุข ศาสนา สังคมและชุมชน รวมทั้งนักเรียนที่ยากจนทั่วไป จำนวน 9 กองทุน มูลนิธิ รวมเงินในบัญชี ร่วม 200 ล้านบาท

**มติ มข.ช่วงดองร่างงดให้ประชาชนสักการะ

ด้านบรรยากาศในงานสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณ เมื่อคืนวันที่ 21 พ.ค. ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ได้มีญาติโยม ศิษยานุศิษย์เข้าร่วมรับฟังสวดพระอภิธรรมหลายหมื่นคนจนล้นออกมานอกตัวอาคารศูนย์ประชุม แม้ทางคณะกรรมการจัดงานจะเปิดที่นั่งบริเวณชั้น 2 ภายในศูนย์ประชุมให้ประชาชนขึ้นไปนั่งเพิ่มก็ยังรองรับได้ไม่หมด

ต่อมาช่วงบ่ายที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษกฯ รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข.ได้ร่วมแถลงข่าวถึงคืบหน้าอ่างดองสแตนเลสครอบแก้วเพื่อดองสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ภาพรวมการจัดงานและการเตรียมรับมือ 3 วันสุดท้ายก่อนเคลื่อนสรีระส่งคณะแพทยศาสตร์ มข.

รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวว่า หลังจากได้เผยแพร่การทำอ่างดองสรีระหลวงพ่อคูณ ซึ่งเป็นอ่าง 2 ชั้น ชั้นภายในเป็นอ่างสแตนเลส และชั้นนอกครอบด้วยแก้วกลับมีเสียงสะท้อนว่าการสร้างอ่างดองดังกล่าวอลังการเกินไป ไม่ตรงแนวคิดของหลวงพ่อคูณ ที่ประสงค์ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ทำให้คณะแพทยศาสตร์พิจารณารูปแบบที่ญาติโยมเสนอโดยจัดสร้างอ่างดองสรีระสังขารให้เรียบง่ายและสมเกียรติ โดยภายในตัวอ่างดองสแตนเลส ไม่มีลวดลาย ส่วนแก้วครอบโลงสแตนเลสจะมีลวดลายบ้างเล็กน้อย คาดว่าอ่างสแตนเลสจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ส่วนแก้วครอบคาดแล้วเสร็จประมาณ 2 สัปดาห์

ส่วนการบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 24 พ.ค. ก่อนจะเคลื่อนย้ายสรีระหลวงพ่อคูณไปยังคณะแพทยศาสตร์ เพื่อดองร่างไว้ 1 ปี ที่ห้องพิพิธภัณฑ์ใหญ่ชั้น 7 อาคารเรียนรวมคณะแพทยศาสตร์ โดยจะให้นักศึกษาทำการศึกษาต่ออีก 2 ปี ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงมีมติให้ภายในช่วงระหว่าง 3 ปีดังกล่าว งดหรือมีแนวโน้มไม่ให้กราบไหว้สรีระสังขาร หรือร่างหลวงพ่อ ระหว่างที่มีการดอง หรือระหว่างที่เป็นอาจารย์ใหญ่

"เฉพาะในช่วงปีแรกระหว่างดองร่างของหลวงพ่อคูณ จะไม่เปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการบูชา เพื่อให้เป็นไปตามเจตนาและพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ จนกว่าจะนำร่างของท่านมาประกอบพิธีทางศาสนาประมาณเดือนมิ.ย.2561 ที่ลูกศิษย์ท่านจะได้ร่วมพิธีฌาปนกิจ จากนั้นจะนำเถ้ากระดูกหรือทุกส่วนของท่านไปลอยอังคารแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคายตามพินัยกรรมทุกอย่าง"

**เตรียมรับมือมหาชนช่วงงาน3วันสุดท้าย

รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนะศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า เหตุที่ มข.ต้องดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวเพื่อไม่ให้ถูกกล่าวหาได้ว่าไม่ทำตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อ โดยเห็นใจลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่อยู่ทั่วประเทศและโดยเฉพาะที่วัดบ้านไร่ ในช่วงบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารหลวงพ่อไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ค.นี้ อยากให้ทุกคนเดินทางมากราบหลวงพ่อได้ที่มหาวิทยาลัย

"ขณะนี้มีประชาชนทั่วประเทศเดินทางมาร่วมงานตลอดทั้งวันและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วง 3 วันสุดท้ายนี้จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอก การจัดการจราจร ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลเรื่องจราจร ที่จอดรถ และการตรวจตรามิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ รวมทั้งกลุ่มคนที่มาแสวงหาผลประโยชน์จำหน่ายจ่ายแจกวัตถุมงคล ภายในบริเวณงาน"

สำหรับการเตรียมการเพื่ออำนวยความสะดวกในช่วง 3 วันสุดท้าย ตั้งแต่วันที่ 22-24 พ.ค.2558 สำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น ให้บริการรถเมล์รับ-ส่ง ผู้เดินทางไปสักการะสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ฟรีในช่วงเวลา 10.00 น.-20.00 น.ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ค.ไปถึงวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ค.นี้ โดยแบ่งเป็น 2 เส้นทางคือสายแรกเริ่มจากร้านขายยามหาวิทยาลัยขอนแก่น ถึงวัดป่าอดุลยาราม สายที่สองเริ่มจากประตูศรีฐานถึงลานจอดรถอุทยานการเกษตร โดยจะมีป้ายสีขาวข้อความสีดำติดไว้ข้างรถ รับ-ส่งฟรี สักการะสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

ส่วนพิธีการบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารวัดสุดท้ายอาทิตย์ที่ 24 พ.ค. ได้ข้อสรุปว่า พิธีทางสงฆ์จะเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 น.การถวายภัตราหารเพล การเทศน์นาธรรม การถวายผ้าบังสุกุล 93 ไตร จากนั้นให้ประชาชนวางดอกไม้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 15.00-16.00 น.แล้ว จึงจะเคลื่อนสรีระสังขารหลวงพ่อคูณไปยังภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. เพื่อประกอบพิธีมอบร่างอาจารย์ใหญ่

โดยได้ประสานการจัดระบบจราจรไปเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ใช้เส้นทางออกจากศูนย์ประชุมเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลปพฤกษ์ ตรงไปถึงแยกเลี้ยวมุ่งไปถนนมิตรภาพ เลี้ยวซ้ายผ่านศูนย์หัวใจสิริกิติ์ มุ่งเข้าประตูโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งคณะแพทย์ได้เตรียมสถานที่ไว้ คาดวาตลอดสองข้างทางและภายในบริเวณโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จะมีประชาชนมาคอยสักการะสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ทั้งสองข้างทางจำนวนมาก

**แก๊งมิจฉาชีพอาละวาดล้วงกระเป๋า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 10.00 น.วานนี้ ที่กองอำนวยการรักษาความปลอดภัย มข.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุประชาชนถูกล้วงกระเป๋าภายในงานบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ โดย ร.ต.ท.ขจรยศ นานอก พนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำหน้าที่ลงบันทึกประจำวัน หลังจากนางสุวลีพร ทาทัน อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 370/172 ม.21 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่ได้เดินทางมากราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ กับญาติ และถูกแก๊งมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าเงินไปในช่วงจังหวะที่ชุลมุนเนื่องจากมีคนเบียดเสียดกันต่อแถวเข้ากราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณกันเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฝากเตือนประชาชนให้รักษาของมีค่าและระวังมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามา หลังพบว่ามีประชาชนมาแจ้งเหตุลักษณะเดียวกันนี้แล้วไม่ต่ำกว่าวันละ 2 ราย

ขณะเดียวกันภายในบริเวณงานบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ย่อยต่างๆ ใน จ.ขอนแก่น และตำรวจภาค 4 เพิ่มขึ้นรวมเป็นทั้งหมด 400 นายจากเดิมวางกำลังไว้ 150 นาย โดยมี พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.4 รับผิดชอบกำกับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยโดยรอบพื้นที่จัดงาน

**โปสการ์ดหลวงพ่อคูณแจกหมดแล้วแสนใบ

รศ.ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้สัมภาษณ์หลังมีการแจกโปสการ์ดหลวงพ่อคูณ เพื่อเป็นที่ระลึกภายในงานจำนวน 100,000 ฉบับว่า ขณะนี้ได้แจกหมดแล้ว และตอนนี้ได้ประสานไปยังฝ่ายกองสื่อสารองค์กร มข.เพื่อให้เร่งผลิตโปสการ์ดดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 100,000 ฉบับเพื่อกระจายแจกจ่ายให้แก่ญาติโยมที่มาร่วมงานอย่างทั่วถึง และยังได้เตรียมการผลิตหนังสือพิเศษที่บอกเล่าประวัติหลวงพ่อคูณ จำนวน 50,000 เล่มเพื่อเป็นที่ระลึกแจกจ่ายภายในงานบำเพ็ญกุศลวันสุดท้ายในวันที่ 24 พ.ค.58 นี้ด้วย

**ชาวโคราชแห่จองรถฟรีร่วมงาน"พ่อคูณ"

ส่วนที่บริเวณลานสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา มีพุทธศาสนิกชน ประชาชน ศิษยานุศิษย์ที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อคูณ ยังคงแต่งกายด้วยชุดขาวดำทยอยเดินทางมาขึ้นรถโดยสารปรับอากาศ ที่ทางจังหวัดนครราชสีมาจัด เตรียมไว้ให้บริการฟรีเพื่อเดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารของหลวงพ่อคูณ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นจำนวนมาก จนเต็มทุกที่นั่ง

โดยทางจังหวัดนครราชสีมาได้จัดรถโดยสารมาคอยบริการรับส่ง วันละ 5 คัน รองรับศิษยานุศิษย์ญาติโยมได้กว่า 200 คนซึ่งให้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งขาไปและกลับและมีการจัดรถโดยสารไว้บริการทุกวันไปจนถึงวันที่ 24 พ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดในการสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลสรีระสังขารหลวงพ่อคูณ ล่าสุดพบว่าได้มีประชาชนมาลงชื่อจองการเดินทางเต็มทุกที่นั่งไปจนถึงวันที่ 24 พ.ค.แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น